9/06/2561

เรียนภาษาเกาหลีที่ยอนเซ เป็นอย่างไร เรียนยังไง + กฏหินยอนเซ




เรียนภาษาเกาหลีที่ยอนเซ เป็นอย่างไร แตกต่างกับที่อื่นมากมั้ย? ตอบเลยค่ะว่า เราไม่ทราบว่าต่างจากที่อื่นมั้ย เพราะไม่เคยไปเรียนของที่อื่น ในส่วนนี้คือเราจะบอกของการเรียนภาษาเกาหลีที่ม.ยอนเซเท่านั้นนะคะ


1. ระบบการเรียนการสอน 
    การเรียนการสอนที่นี่ต่อภาคเรียนจะมีอาจารย์ 2 คน คืออาจารย์ที่สอนแกรมม่า การเขียน และอาจารย์ที่สอนการอ่านและพูด ซึ่งในส่วนนี้อาจารย์จะสลับกันมาพาร์ทเช้า 2 ช่วง กับพาร์ทบ่าย 2 ช่วงค่ะ
ในทุกๆ เลเวลจะมีกิจกรรมให้ทำ และมีส่วนร่วมกันแบบทั้งห้องด้วยค่ะ 

2. เวลา
การเรียนเริ่มต้นที่ 09:00 น. - 13:00 น. ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ แบ่งออกเป็น 4 คาบเรียน พักช่วงละ 10 นาที และคาบกลางพัก 20 นาที  

3. การสอบ
การสอบที่นี่แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 พาร์ทค่ะ  คือ
-     การพูด ( 말하기) สนทนาจดจำหน้าห้องหรือบางครั้ง จะเป็นให้เราเขียนก่อนแล้วออกไปพูดแล้วแต่เลเวล บางกึบเป็นจับคู่พาร์ทเนอร์ ได้พาร์ทเนอร์ดี ขยัน มีชัยไปกว่าครึ่งเด้อ   นอกจากนี้ยังมีสอบพูดที่เป็นการ สอบสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับอาจารย์ที่เรียนด้วยค่ะ โดยการสอบพูดต้องนำแกรมม่าที่เรียนมาทั้งหมดพยายามมาตอบให้ได้มากที่สุดถึงจะได้คะแนนเยอะๆ ค่ะ  

การอ่าน (일기) ข้อสอบในหนังสืออิลกีจากในหนังสือที่เรียน และเนื้อหาจากข้างนอกตอบเป็นชอยส์ค่ะ   นอกจากนี้ยังมีการสอบอ่านด้วยการใช้สำเนียง(발음) อีกด้วย


- การเขียน (쓰기)  ซึ่งในส่วนนี้จะรวมแกรมม่าที่เรียนมาและการเขียนเป็นบทความตอบแบบessay ด้วยจ้า โดยจะแบ่งเรื่องมาให้สองเรื่องให้เลือกและที่สำคัญต้องนำแกรมม่าที่เรียนมามาเขียนค่ะ

- การฟัง (듣기)  อย่างที่บอกเป็นการฟังค่ะ มีกระดาษเป็นชอยส์รวมถึงให้เขียนตอบให้ จากการฟังแผ่นซีดีที่ทางอาจารย์จะเป็นคนเปิดให้ ข้อละ 2 รอบเท่านั้น ฟังไม่ทันก็ข้ามไปนะคะ อย่าจมอยู่กับข้อที่คิดไม่ได้ ไม่งั้นรวมแน่ๆค่ะ 




4. ที่ยอนเซเขาไม่ได้เน้นพูดเท่าซอกังหรอคะ?
ในส่วนนี้เราไม่รู้ว่าซอกังเรียนยังไง แต่ได้ยินมาว่ามีเกมให้เล่น แบ่งเป็นกลุ่มเลยแลกเปลี่ยนการพูดกันบ่อยมากๆ ซึ่งทางยอนเซจากเป็นที่คุ้นหูมาว่า เน้นแกรมม่า ซึ่งเป็นเรื่องจริงค่ะ ใครมาเรียนที่นี่แกรมม่าแน่นมากกกกกก คือจบไปเก่งเลยค่ะ  ส่วนการพูดไม่ใช่ว่าที่นี่ไม่เรียนนะคะ เรียนเหมือนกันค่ะ ซึ่งเราบอกเลยว่าการพูด อยู่ที่ตัวเราเองล้วนๆ !  ถ้าคุณไม่กล้าที่จะพูดลองผิดลองถูกก็จะคือจะไม่ค่อยได้นำมาใช้ พยายามคุยกับเพื่อนต่างชาติเยอะๆ และจำกับตัวเองไว้ว่าห้ามนำภาษาอังกฤษมาใช้ค่ะ ใช้แต่ภาษาเกาหลีเท่านั้น และพูดบ่อยๆ เมาท์ไปเรื่อยๆ เวลาอาจารย์ถามก็ตอบค่ะ  และพูดจะเก่งขึ้นเยอะมากๆค่ะ ส่วนสำเนียงนั้น พอเราอยู่ที่เกาหลีเราก็จะได้ฟังคนรอบข้างอยู่เรื่อยๆ และเราก็จะชินไปเองค่ะ  

กฏหินของยอนเซ!!ไม่ปฏิบัติตามมีสิทธิ์ไล่ออก

1.  การให้คะแนนนั้น ดยการสอบทั้งหมดแต่ละพาร์ท ห้ามต่ำว่า 60 คะแนน(แต่ละครั้ง) หรือถ้าต่ำกว่า ปลายภาคต้องทำให้คะแนนได้ดีค่ะ  ทั้งกลางภาคและปลายภาค โดยเขาจะเฉลี่ยคะแนนค่ะ ถ้าต่ำกว่าและตกหนึ่งอันจะมีการซ่อมเกิดขึ้นค่ะ (เสียเงินเพิ่ม10,000won) แต่ถ้าตกสองพาร์ทขึ้นไป เรียนใหม่เลยเจ้าาา  ซ้ำชั้นนั่นเอง #อะไรมันจะโหดสัสรัสเซียขนาดเน้

80% = Midterm 40% + Final 40% - (Speaking 25% / Listening 25% / Reading 25% / Writing 25%) 
20% = Class participation, comprehension, pronunciation, intonation, etc.

2.หากสอบตกเกิน 2 ครั้ง/เลเวล ยอนเซจะไม่อนุญาตให้เรียนกับสถาบันต่อแล้วค่ะ จะถูกไล่ออกเลยค่ะ (ในส่วนนี้ไม่สามารถเรียนต่อได้แล้วน้า)

3. การเรียนห้ามขาดสอบ และห้ามขาดเกิน 40 ชั่วโมง (ถือว่าปรับซ้ำชั้น)  การนับเวลาจะเริ่มนับทุกๆชั่วโมงของแต่ละพาร์ท หากมาสายเกิน 15 นาทีจะถูกปรับเป็น 1 ชั่วโมง และหากไม่เกินถ้าถึง 3 ครั้งจะถูกปรับเป็น 1 ชั่วโมงค่ะ






จบการรีวิวเท่านี้จ้า ใครมีคำถามอะไร หรืออยากรู้อะไร ถามได้ที่ทวิตเตอร์หรือบทความนี้เลยค่ะ








5/25/2561

การทำเอเลี่ยนการ์ดที่เกาหลี ! (2018)

บทความคลอดแล้วเด้อออออ ! ไม่พร่ำเยอะ วันนี้เราจะมาบอกวิธีการทำเอเลี่ยนการ์ด (Alien Registration Card ) ที่เกาหลีกันดีกว่าค่ะ การทำเอเลี่ยนการ์ดสำคัญไฉน ขอพูดคร่าวๆ ว่า มันสามารถเปิดเบอร์เกาหลีได้ เปิดอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง และที่สำคัญคุณจะใช้ชีวิตได้แบบสิทธิแบบคนเกาหลีได้ในระดับหนึ่งกันเลย ที่สำคัญนั้นคือ.. จะสมัครบัตรสมาชิกต่างๆได้ด้วยยยยย เช่น ร้านเครื่องสำอาง เพราะถึงคราวลดราคานะ เปย์แหลก!


คนที่ทำเอเลี่ยนการ์ดคืออยู่เกาหลีไม่ต่ำกว่า 6 เดือนจ้า ซึ่งเรามาเรียนนั้น เราถือวีซ่า D4 อยู่นั้นเอง และอย่าลืมติดต่อทำบัตรภายใน 90 วันนะจ้ะ ไม่งั้นจะแย่เอาาาาา การทำเอเลี่ยนการ์ดความจริงแล้วมหาวิทยาลัยจะมีเอกสารบอกว่าเราต้องทำอะไรยังไง แต่เราเชื่อว่าคนที่หลงเข้ามาในบทความนี้ ย่อมมีความจำเป็นและต้องการความช่วยเหลืออย่างยิ่ง ก็เอกสารที่มอให้มามันไม่เก็ทอะเข้าใจมะ! 


อ่ะ ไหนบอกจะไม่พร่ำเยอะ ก็อดไม่ได้อยู่ดี อ่ะมาเริ่มขั้นตอนกันเลย 

        1. ก่อนจะทำบัตรต้องทำการจองคิวการทำผ่านเว็บไซต์ก่อนค่ะ เว็บที่ว่าคือเว็บ  https://www.hikorea.go.kr/pt/main_en.pt จ้า ต้องทำการจองเท่านั้นถึงจะไปทำเอเลี่ยนการ์ดได้  ก็ให้กรอกเลขพาสปอร์ต จองวันเวลาที่ไปทำค่ะ เมื่อจองเสร็จแล้วก็ไปตามวันเวลานั้น การจองอย่าลืมเลือกสาขาของสถานที่ที่ไปทำด้วยนะคะ เราอยู่ซอแดมุน เลยไปทำที่ Seoul Southern Immigration Office จ้า   (เราแปะที่อยู่และที่ที่จะทำเอเลี่ยนการ์ดให้นะคะ ตามรูปด้านล่างเลย) 



       2.เอกสารที่ต้องใช้  
  • พาสปอร์ตและสำเนา
  • วีซ่าและสำเนาวีซ่า
  • แบบฟอร์ม
  • ใบตรวจสุขภาพ ผลตรวจวัณโรค (ส่วนนี้ใช้ได้แค่ที่รพ.เกาหลีเท่านั้นนะคะ ในรายละเอียดของแต่ละมหาวิทยาลัยจะบอกว่าให้ไปที่ไหนจะสะดวก ถ้าเป็นของยอนเซให้ไป seodaemun health center )
  • ใบสัญญาที่พักในระหว่างที่อยู่เกาหลี
  • เอกสารรับรองการเข้าศึกษาจากมหาวิทยาลัย
  • รูปถ่ายขนาด 3.5×4.5 (ต้องเห็นหู)
  • และค่าธรรมเนียม 30,000 วอนจ้า
    3. เมื่อถึงวันที่จองไว้แล้ว ก็ไปดูคิวที่บอร์ดข้างหน้าค่ะ ว่ามีชื่อเราตรงตามเวลาที่จองไว้หรือไม่ ถ้ามีก็รอตามเวลาที่จองไว้ได้เลย



    4. ระหว่างรอไปจ่ายค่าธรรมเนียมที่ชั้น 1 หรือชั้น 2 ก่อนก็ได้ค่ะ ในส่วนนี้จะมีเจ้าหน้าที่ทำให้

    5. เมื่อถึงคิวที่เรียกก็ยื่นเอกสารทั้งหมดให้เสร็จสรรพ พอยื่นเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้ใบนัดรับมาให้ โดยระบุวันที่ชัดเจน ( จะไปรับหลังจากวันที่นัดหมายก็ได้ค่ะ ) แค่นี้ก็เสร็จสิ้นค่ะ กลับบ้านได้

วันนัดรับ
 พอถึงวันนัดรับก็ให้เอาใบที่เขาให้ครั้งที่แล้วไปยื่นที่ชั้น 2 ด้วยการกดบัตรคิวก่อน แล้วก็จะถึงคิวเรียก ก็รับเลยค่ะ แปปเดียวไม่นาน แค่นี้เราก็ถือเอเลี่ยนการ์ด และสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้แย้ว  เย้เย้


 หากมีอะไรสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่อีเมล alljourneys.havesecret@gmail.com และช่องทางการติดต่อที่แท็บบล็อกด้านบนนะคะ  

* ไม่อนุญาตให้รีโพสต์ ใช้รูป และก็อปปี้เนื้อหาไปเผยแพร่ที่อื่นค่ะ* 



3/18/2561

รีวิวโกชีวอน "maru residence ชินชน" เรียนภาษาเกาหลีที่ยอนเซ

หลายคนเรียกร้องกันหนักมาก! ให้รีวิวโกชีวอนที่เราอยู่ ... ดังนั้นเราเลยต้องมารีวิวสักที หลังจากดองแล้วดองเล่า  โกชีวอนที่เรามาเช่าชื่อว่า maru residence นะคะอยู่ตรงด้านหน้าของมอยอนเซ เพื่อความสะดวกสบาย เลยเช่าที่นี่ และดูจากในรูปคือสะอาดสะอ้าน ก็เลยเอาว่ะ .. ลองติดต่อไปดูก็ได้ ก็เลยติดต่อจากอีเมลไป สักพักเขาบอกให้ติดต่อมาทาง kakaotalk ก็เลยคุยกันง่ายขึ้น 

มีคนถามว่าหาจากเว็บไหน เราหาจากเว็บ goshipage จ้า 

เราติดต่อล่วงหน้าประมาณเดือนนึงหรือเดือนครึ่งเลย ถ้าจำไม่ผิด และถามเขาว่ามีห้องว่างมั้ย สรุปคือมีค่ะ ก็เลยขอดูรูปห้อง ห้องว่างอยู่2-3 ไทป์เลยมีสิทธิ์เลือกเยอะหน่อย  ลำพังนี่ก็เคยได้ยินมานะคะว่าแบบอย่าดูแค่รูป เพราะถ้าไปดูจริงๆ จะผิดหวัง แต่เราทำใจไว้ละ เพราะเคยไปพักที่เกาหลีห้องเล็กๆ มาก่อน 

เราพล่ามมาเยอะแล้วค่า ไปดูภาพจริงหลังการเข้าพักกันก่อนเลย 




อันนี้เป็นในส่วนของห้องที่เราพักเองค่ะ ห้องนอนโดยมีเฟอร์นิเจอร์ตู้ใส่ของด้านบน ทีวี แอร์ส่วนตัว(แบบไม่ยึดรีโมร์ท) ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้าขนาดเล็ก ห้องน้ำส่วนตัว  ถังขยะ หน้าต่าง(ไม่ทุกห้อง) โดยที่พักที่นี่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ตส่วนตัวให้เรียบร้อยแล้วค่ะ คุ้มมากๆ  ราคาที่เราพักคือ 400,000 วอนต่อเดือน หรือ 12,000 บาทไทยนั่นเอง  ห้องนอนก็จะประมาณนี้ 



ในส่วนนี้คือด้านหน้าของที่พักค่ะ ชั้น 4 ก็จะมีล็อกเกอร์ใส่รองเท้าให้ด้วย แต่ห้องเราอยู่ข้างในนะคะ มีร่มให้ใช้ฟรี 
 ด้านนอกตรงระหว่างบันไดแต่ละชั้นก็จะมีถังขยะอันใหญ่ไว้ให้ใส่ โดยต้องแยกขยะตามที่บอกไว้ด้วยค่ะ ที่เกาหลีซีเรียสเรื่องนี้มากๆ


ซึ่งในชั้นที่เราพักก็จะมีครัวขนาดย่อมๆ ให้ด้วย แต่ครัวในแต่ละชั้นจะให้ใช้ในระยะเวลา 9 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มเท่านั้น ไม่งั้นจะหนวกหูเสียงดังคนอื่นค่ะ  แต่ที่นี่ก็มีครัวใหญ่ให้เช่นกัน ซึ่งอยู่ที่รูฟท็อป จะใช้ตอนไหนก็ได้แล้วแต่เราเลยค่ะ ดึกแค่ไหนก็ไม่หวั่น

ก็เดินขึ้นไปรูฟท็อป ชั้น 6 กันเลย ห้องทางซ้ายมือที่เห็นคือครัวนั้นเองค่ะ ตรงพื้นที่สีเขียวเป็นที่ตากผ้า  กว้างมาก ตากกันได้ทั้งหอเลย 



และนี่ก็เป็นส่วนครัวรวมค่ะ โดยที่นี่ก็บริการ รามยอน กิมจิ หัวไชเท้าดอง ข้าว และกาแฟ ตลอดเลยจ้า  กินกันเลยฟรีๆ เหมารวมถึงค่าเช่าด้วยเช่นกัน  พักโกชีวอนอะไรๆก็จะรวมไปหมดเลยค่ะ ดีงามตรงนี้ ใครจะนั่งข้าวตรงโต๊ะก็แล้วแต่เลยค่ะ แต่ว่าส่วนใหญ่ก็กลับไปกินที่ห้องตัวเองกันทั้งนั้น

ในส่วนของรูฟท็อปดาดฟ้าก็จะสามารถมองเห็นวิวยอนเซได้เลยค่ะ เพราะอยู่ติดถนน มีรถเมล์ผ่านเดินทางสะดวก และดีงามมากๆ  

แต่ยังมีข้อเสียนะคะถ้าอยู่ที่นี่ : เนื่องจากอยู่ติดถนนและติดยอนเซ ก็จะมีโรงพยาบาลของยอนเซอยู่ใช่มั้ย แต่จะได้ยินรถหวอดังบ่อยครั้ง จนชินเลยก็ว่าได้ 555555555555  และอาจจะได้ยินเสียงบีบแตรอีกด้วย แต่โดยรวมเราเป็นคนหลับง่าย เลยไม่ซีเรียสเรื่องนี้  

จบการรีวิวจ้า หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ :)