12/11/2560

CONTOYNER! คาเฟ่ชื่อดังย่านฮงแด กิน+ถ่ายรูปกันเพลิน


 

จำได้ว่าช่วงหนึ่ง คาเฟ่ "CONTOYNER" เนี่ยกระแสแรงมาก ถึงขั้นต่อคิวยาวๆ เพื่อไปถ่ายรูปบนรูฟท็อปสุดมุ้งมิ้ง แต่คนเกาหลีชอบมาก ไม่แม้แต่ชาวต่างชาติ เพราะทุกคนต่างพ่ายแพ้ให้กับความน่ารักนี้แล้ว ลงเสียงกันว่าต้องไปให้ได้ เราเองก็เช่นกัน เคยไปครั้งนึงคนต่อคิวยาวมาก จนยอมแพ้ 

และครั้งนี้เลยลองไปดู ซึ่งวันที่ไปคือวันที่จะต้องกลับไทย อะไรๆ เลยรีบเร่งไปหมดด แต่โชคเข้าข้าง!  ร้านโล่งมาก จนแบบถ่ายรูปให้สะใจได้เลยค่ะซิส 




ภาพข้างบนเป็นภายในร้านค่ะ ก็จะมีขายของเล่นของสะสมมากมาย ในราคาที่แตกต่างกัน พร้อมที่ให้นั่งสำหรับคนไม่อยากไปตรงรูฟท็อป แต่ครั้งนี้เราตั้งใจจะไปรูฟท็อปให้ได้!!




เมื่อมาถึงก็ไม่ผิดหวังค่ะ สีชมพูได้ใจมากก มุ้งมิ้งและหวานแหววกันแบบสุดๆ อีกอย่างนึงคือไม่มีคนค่ะ แต่แดดร้อนไปหน่อย แม้จะอากาศหนาวแล้ว  เขาก็จะมีมุมต่างๆให้ได้ถ่ายรูปเพียบบ บอกเลยว่างานนี้ถ่ายรูปกันสะใจจ้า 





และแน่นอนว่า เราก็ไม่พลาดดดด มาเพื่อถ่ายรูปโดยเฉพาะ !  เก็บทุกมุม!


อ่ะๆ .... แต่ลืมบอกไปจ้า ว่า ช่วงที่เรามา มันเริ่มจะซาๆ ลงแล้ว ลูกโป่งบอลลูนก็แฟ่บๆ ไปตามๆ กัน แอบเสียดาย แงงงงง 



มัวแต่ถ่ายรูป .. หลังจากสั่งหน้าเคาท์เตอร์แล้วเครื่องออเดอร์สั่นเรียกแล้ว เราก็ลงไปเอาค่ะ ..  เมนูที่สั่งราคาถือว่าพอจ่ายได้เนอะ 6000 วอน สั่งเลมอนเนด กับ ช็อกโกแลต  ชอบความแต่งแก้วของร้านมาก ชอบแม้กระทั่งหลอดสวยๆ และที่คนแก้วอย่างต้นมะพร้าว  ช่วยดูที่รองด้วยค่ะ ยูนิคอร์นก็มา  หลังจากนั้น เราก็รีบดูดอย่างรวดเร็ว เพราะต้องรีบไปเช็คอินที่อินชอน (กลัวตกเครื่องเน้อ) ถ้ามีโอกาสจะไปอีกแน่นอนค่ะ แล้วเจอกัน!


การเดินทาง 

สถานี ซังซู ทางออก 1 หรือใครจะเดินมาจากฮงแดก็ได้นะจ้ะ 
ร้านเปิดทุกวัน เที่ยง - 23:00น .

11/28/2560

การโอนเงินค่าเรียนไปมหาลัยที่เกาหลี




หลังจากสมัครเสร็จแล้วและทางยอนเซก็ให้เลขบัญชี invoid มา เราก็ทำการปริ้นให้เรียบร้อยนะคะ เพราะใบนี้ต้องเป็นข้อมูลในการไปกรอกเอกสารที่ธนาคารตอนจะโอนเงินไปค่ะ 


เนื่องจากเราสมัคร 2 เทอมจึงได้เลข swift code มาสองใบไม่เหมือนกันค่ะ ใบแรกจะเสียค่าสมัครเพิ่มอีก 80,000 วอน ส่วนใบของเทอมที่ 2 จะไม่เสียค่าสมัคร แต่ยอนเซสามารถให้จ่ายค่าเทอมพร้อมกันได้โดยใช้โค้ดใบแรก เพราะฉะนั้นถ้าใครมีเงินพร้อมอยู่แล้วแนะนำให้จ่ายพร้อมกันเลยค่ะ จะได้เสียค่าธรรมเนียมทีเดียว 

เราเลือกธนาคารกรุงไทยในการโอนเงินไปต่างประเทศ

ตอนแรกตั้งใจจะโอนเป็นเงิน USD ไปแต่ทางธนาคารบอกว่า ใบที่ปริ้นมาให้เป็นสกุลเงินเกาหลี ต้องโอนเป็นเกาหลีนะคะ เราก็ตอบไปว่า ก็ได้ค่ะ เขาก็คำนวนให้เสร็จสรรพ ตอนบอกเจ้าหน้าที่แนะนำบอกเขาว่าให้รวมเงินและโอนไปในโค้ดแรกเลยด้วยนะคะ ไม่งั้นพี่เขาจะเข้าผิดคิดว่าโอนอย่างละใบ


การโอนเงินเราเสียค่าธรรมเนียมไปทั้งหมด 1200 บาทค่ะ (บอกจนท.ด้วยว่าโอนแบบเราเป็นคนจ่ายค่าธรรมเนียมฝั่งนู่นเอง) เพราะว่า ยอนเซจะไม่ออกเงินค่าธรรมเนียมเองค่ะ  หลังจากนั้นเขาก็ตีราคาเป็นเงินไทยให้ สรุปเรทที่เราได้ประมาณ 0.031 กว่าซึ่งสำหรับถือว่าไม่แพง เป็นราคามาตารฐานโชคดีหน่อย

จริงๆแล้วเราไม่รู้ว่าสาขาอื่นหรือพวกในตัวเมืองไรงี้จะได้ใบเสร็จการโอนมาเลยมั้ย แต่ของเราเขาบอกให้รอระหว่างโอน 7-10 วัน แล้วเขาก็ให้ใบสลีฟแบบไม่ใช่ตัวจริงมาก่อนค่ะ


หลังจากนั้นผ่านไปวันเดียว ทางธนาคารกรุงไทย (สาขาใหญ่) ก็เมลมาค่ะ ด้วยการส่งใบเสร็จตัวจริงมาให้ (ตอนแรกบอกหลายวัน) รวดเร็วทันใจจริงๆ

- เราก็นำเอกสารที่เขาเมลมา เพื่อแนบไฟล์แจ้งเมลส่งไปทางยอนเซค่ะ โดยมีหมายเหตุว่า จ่ายพร้อมกันสองเทอมนะแค่นี้ก็เรียบร้อยค่ะ รอเขาตอบกลับมาอีกที (ประมาณไม่เกิน 2 อาทิตย์)

อุปสรรคไม่หมดแค่นั้นจ้า ...
เพราะทันทีที่ทางยอนเซได้รับเงินเรียบร้อย เขาก็แจ้งมาว่า เนื่องจากช่วงที่รับค่าเงินเกาหลีมีความเปลี่ยนแปลง จึงต้องจ่ายเงินเพิ่ม! (omg) คิดในใจต้องโอนและเสียค่าธรรมเนียมอีกทีมั้ย

สรุปนะคะ

- เขาให้เราไปจ่ายเพิ่มตอนวีคแรกทีไปเรียนที่ห้องติดต่อธุระของม.ยอนเซค่ะ ซึ่งเงินที่ค่าต่างนั้น เหลือจ่ายประมาณ 1 หมื่นวอนเท่านั้นเอง โอเคโล่งอกไปที   เท่านี้ก็เสร็จขั้นตอนการจ่ายเงินเรียบร้อยค่ะ เตรียมตัวไปเรียนได้
 
และทางยอนเซก็ขอที่อยู่ไป เพื่อจะส่งเอกสารใบตอบรับของมหาวิทยาลัย มาเพื่อขอวีซ่า D-4 นั่นเอง

หากมีอะไรสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่อีเมล alljourneys.havesecret@gmail.com และช่องทางการติดต่อที่แท็บบล็อกด้านบนนะคะ

11/15/2560

วิธีการสมัครเรียนภาษาเกาหลีที่ยอนเซ

สมัครเรียนภาษาเกาหลีที่เกาหลี

ต้องออกตัวก่อนนะคะว่าเราไม่เก่งภาษาอังกฤษ ด๋อยมากมาย พอถูไถงูๆปลาๆและพึ่งปู่เกิลล้วนๆ เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยไว้ก่อนนะคะ 

1.เว็บที่ใช้ในการสมัครเรียนภาษาของยอนเซคือ เว็บ  www.yskli.com
     
2.วิธีการสมัครก็สมัครปกติค่ะ เหมือนพวกสมัครเว็บอื่นทั่วๆ ไป คลิกที่ Join ด้านบนขวา  มันจะขึ้นให้ยอมรับเงื่อนไขการสมัคร ก็คลิก I agree สองช่องเลยค่ะ 


3.กรอกทุกอย่างที่ขึ้นช่องมาให้ค่ะ เน้นอันที่มีดอกจันสีแดงต้องกรอกให้ครบ เสร็จแล้วคลิก submit 

4.หลังจากนั้นดูข้อมูลโปรแกรมที่เราจะสมัครเลยค่ะ ในส่วนนี้เราสมัครโปรแกรม regular program หน้าเว็บสำหรับดูโปรแกรม คลิก > programs  ดูรายละเอียดคอร์สที่จะสมัคร

เรื่องการสมัครลงคอร์สนะคะ เราบอกก่อนเลยว่า

รายละเอียดของการสมัครจะเปลี่ยนไปในทุกๆปี จากเคยดูรีวิวคนอื่นเมื่อหลายปีก่อนพอมาลองสมัครเองจริง ร้องเห้ยหนักมากเด้อ เปลี่ยนไปเลยจ้า งมกันต่อไป สิ่งที่เราจะแนะนำและเป็นแนวทางเป็นช่วงการสมัครของปี 2018 นะคะ (ในอนาคตไม่รู้ว่าฟอร์มจะเปลี่ยนไปมั้ย) ซึ่งหลังจากนี้จะเปลี่ยนไปยังไงไม่รู้แล้ว (แต่ระหว่างนั้นน่าจะยังสอบถามได้เสมอ)


ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจของคอร์ส ที่เราสมัครกันก่อนดีกว่าค่ะ

1. เราเลือกลงเรียนคอร์ส regular program แบบธรรมดาค่ะ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกัน 3 คอร์สด้วยกัน ได้แก่ คอร์ส A , B , C  ในส่วนนี้เราเลือก คอร์ส A ค่ะ เพราะเป็นการเรียนช่วงเช้า 9 โมง- บ่ายโมง เราชอบเรียนช่วงเช้ามากกว่าค่ะ ถ้าช่วงบ่ายความขี้เกียจจะต้องมาเต็มแน่นอน ว่าแต่  แต่ละคอร์สจะแตกต่างกันยังไง ไปดูกันค่ะ

คอร์ส A มีทั้งหมด 6 ระดับค่ะ โดยครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด 10 บท/ คอร์ส ซึ่งสามารถเรียนรู้เสร็จสิ้นในระยะเวลา 1 ปีครึ่ง (ถ้าเริ่มตั้งแต่คอร์สแรก)
-  คอร์ส B มีทั้งหมด 8 ระดับจะใช้เวลายืดกว่าค่ะ ครอบคลุม 8 บท/คอร์ส ใช้เวลาประมาณ 2 ปี โดยทางยอนเซก็แนะนำว่าเหมาะกับชาวตะวันตก เพราะไม่คุ้นชิ้นด้านไวยกรณ์ต่างๆ
และคอร์ส C เหมือนคอร์ส A เลยค่ะแต่แตกต่างกันที่คอร์สนี้จะเริ่มเรียนในช่วงบ่ายค่ะ





**ช่วงเวลาการเปิดรับสมัคร ปิดรับสมัคร หรือแม้แต่การจ่ายเงินในเว็บบอกเราเรียบร้อยเลยค่ะ ใครที่ตั้งใจจะสมัครอยู่แล้วแนะนำให้สมัครช่วงแรกๆ ไว้ดีกว่าค่ะ กันมีปัญหาเรื่องเอกสาร**

2. เรื่องของค่าใช้จ่ายค่ะ มีค่าใช้จ่ายในการสมัคร 80,000 วอน และค่าเรียนต่อเทอม (10 week) 1,730,000 Won ประมาณ 50,000 บาทกว่าๆ ค่ะ

3. สำหรับรายละเอียดอื่นๆ ทางยอนเซบอกไว้หมดเลยค่ะ รายละเอียดในนี้ค่ะ https://www.yskli.com/_en/proc/p1.asp  




การสมัครลงคอร์ส

1.อันดับแรกเข้าไปที่ online Application ที่แท็บด้านบนค่ะ จะขึ้นมาตามภาพ ถ้าสนใจลงสมัครอันไหนก็เลือกตามหัวข้อเลยค่ะ  เราเลือก regular program





2. จากนั้นก็จะขึ้นใบสมัครมาให้กรอกต่างๆ ถ้าเป็นไปได้กรอกทุกช่องค่ะ แต่ที่แน่ๆ ต้องกรอกช่องที่มีเครื่องหมายดอกจันสีแดงให้ครบ  ในส่วนนี้มีให้กรอกทั้งแบบ

       -  Academic background  : ส่วนนี้จะเกี่ยวกับทางวิชาการค่ะ เช่น สถานะการเรียนตอนนี้  การเข้าเรียน  คณะสาขาที่เราเรียน 

      -  จะมีถามว่าเคยลงโปรแกรมคอร์สเรียนกับยอนเซมาก่อนมั้ย ก็ให้ตอบไปถามความจริง

     Fluency in Korean  : ในส่วนนี้จะมีให้เลือก none & poor ค่ะ ถ้าเลือก none คือเขาลงที่ระดับหนึ่ง เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นเลยค่ะ แต่ถ้าเลือก poor จะมีการทดสอบความรู้เราก่อนเข้าชั้นค่ะ ว่าเราจะอยู่ในระดับไหน บางคนเก่งอาจจะเริ่มที่ระดับ 2 และ 3 ก็มีค่ะ 

     -  How long do you intend to study at KLI? อันนี้เพื่อความชัวร์ให้ลงวันแรกที่เราจะลงคอร์สฤดูกาลนั้นจนถึงวันสุดท้ายที่เราจะลงเรียนค่ะ (ดูได้ตามตารางเปิดรับสมัครนะคะ)

       - Document Requests ส่วนนี้สำคัญมาก  ในส่วนนี้เขาจะให้เราอัพโหลดไฟล์ตามที่เขาขอมาค่ะ ทั้งพาสปอร์ต ใบจบ ทรานสคริป บลาๆ นะนำว่าควรทำให้เรียบร้อยก่อนสมัครจะดีที่สุดค่ะ ซึ่งการตั้งชื่อไฟล์ที่จะอัพโหลด ให้ใช้ชื่อไฟล์ด้วยตัวเลข เช่น 1 , 2 , 3 ห้ามใส่ข้อความของเอกสารนั้นนะคะ เช่น passport  ซึ่งในส่วนเอกสารนั้น เราจะขยายความต่อในข้อ 3 ค่ะ 


3. เข้าเรื่องในส่วนขยายความการขอเอกสารจาก Document Requests  ค่ะ ในส่วนนี้เขาจะขอ พาสปอร์ต ทรานสคริป รับรองบัญชีเงินฝากค่ะ 

     - Passport อันนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ สแกนพาสปอร์ตของเราปกติแล้วอัพโหลดส่งไปให้เขา

      - Transcript or diploma from the last school attendedทรานสคริปและใบรับรองการศึกษา เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น (อันนี้มีให้อัพโหลดสองช่อง อัพแยกกันเลยเน้อ)ถ้าไม่มีต้องเอาไปแปลแล้วให้กงสุลรับรองค่ะ ในส่วนนี้ของเราเป็นใบที่จบการศึกษาตามโครงสร้างหลักสูตร และใบเกรดตั้งแต่เรียนค่ะ รับรองจากทางมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาออกภาษาอังกฤษ อยู่แล้วเลยไม่มีปัญหาอะไร


  Certificate of deposit balanceใบรับรองทางการเงิน (finalcial statement)  อันนี้แค่ส่งใบรับรองทางการเงินที่มียอดเงินตรงตามที่เขาบอกเป็นยอดเงินสุดท้าย คือ ทางยอนเซให้มีฐานเงินในบัญชีอยู่ที่ 10,000  USD ประมาณ 350,000 แสนกว่าบาท ไม่ใช่เสตจเม้นท์ที่ย้อนหลังไป 3 เดือนหรือ 6 เดือนค่ะ  แต่ ! ถ้าเพื่อความแน่นอน จะฝากเงินไว้ล่วงหน้ามีเงินหมุนในช่วงระยะเวลา 3 เดือนและยอดต้องถึง 9000 USD ก็ได้ค่ะ (bank balance certificate) 
     * ไปบอกธนาคารได้เลยค่ะว่าต้องการใบ finalcial statement รับรองทางการเงินเป็นแบบภาษาอังกฤษตรงนี้ค่าใช้จ่าย 100 บาทค่ะ *


   - และที่สำคัญ ช่องอัพโหลดยังไม่มีค่ะ แต่เขาให้ส่งเอกสารเพิ่ม ซึ่งคือ A copy of Family Reationship Certificate Or Birthday Cerificate ใบรับรองความสัมพันธ์ครอบครัว จะเป็นทะเบียนบ้าน หรือ ใบสูติบัตร(ใบเกิด) ก็ได้ค่ะ ซึ่งเราเลือกใบเกิด  ในส่วนนี้ให้เรา นำใบเกิดเวอร์ชั่นภาษาไทย ไปแปลเป็นภาษาอังกฤษก่อน (อันนี้เราจ้างในเว็บแปลค่ะ)  > เสร็จแล้วนำไปให้กงสุลรับรองเอกสาร ค่ะ  
 สำหรับการแนบไฟล์นะคะ ให้แนบเอกสารความสัมพันธ์ไปพร้อมกับเอกสารทางธนาคารเลยก็ได้ค่ะ   

สรุปเอกสารที่ต้องยื่นไปก่อนที่จะได้รับใบโอนเงินมานะคะ
* ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ*
- ใบจบยืนยันสถานะการศึกษา
- ทรานสคริปหรือใบเกรด
- สำเนาพาสปอร์ต
- ใบรับรองฐานะทางการเงิน
- ใบยืนยันความสัมพันธ์ครอบครัว


4. เสร็จแล้วกด submit แล้วจะขึ้นหน้าต่อไป สำหรับการลงเวลาเรียน การเลือกคอร์สต่างๆ เพียงแค่นี้ก็เสร็จสิ้นแล้วค่ะ เหลือแต่การรอตอบกลับผ่านทาง E-mail (ใช้เวลาไม่เกิน 2 วีค)

5.เพียงแค่นี้ก็เสร็จสิ้นการสมัครแบบออนไลน์แล้วค่ะ หากมีอะไรสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่อีเมล alljourneys.havesecret@gmail.com และช่องทางการติดต่อที่แท็บบล็อกด้านบนนะคะ 

อ่าน การโอนเงินค่าเรียนไปม.ยอนเซ คลิก !

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆคนนะคะ ช่วยเมนท์เป็นกำลังใจด้วยนะคะ









              



  



เหตุผลที่เลือกไปเรียนภาษาเกาหลีที่เกาหลี

อันยองฮาเซโย แอดมิน “ทุกการเดินทางมีความลับ” เองนะคะ ก่อนอื่นแนะนำตัวก่อน เราอายุ 23 ปีเนอะ เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ฉบับใหม่แกะกล่อง วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี ก่อนที่จะลืมรายละเอียดเลยมาขออัพไว้ก่อน ซึ่งประเด็นในวันนี้คือ “ การสมัครเรียนภาษาเกาหลีที่เกาหลี(ม.ยอนเซ)” นั่นเอง โดยการสมัครด้วยตัวเองนะคะ ไม่ผ่านเอเยน เอ้ย เอเจนซี่ใดๆ วันนี้จะอยากมาแนะนำและเป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากเรียนภาษาเกาหลีที่เกาหลีค่ะ



เหตุผลที่มาแนะนำ
          เนื่องจากเราได้ผ่านมรสุมเขตร้อนมาอย่างหนักหน่วง อารมณ์แบบว่าจะสมัครแต่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมเอกสารก่อนสมัคร เลยยุ่งยากพอควร โดนทางม.ให้ส่งเอกสารเพิ่มเป็นระยะๆ เลยต้องการที่จะมาแนะนำและแล้วทางเพื่อคนที่สนใจได้ทำแบบรวดเร็ว ไม่ต้องปวดหัวแบบเรา (ฮรือ) 

เหตุผลที่เลือกจะไปเรียน
เหตุผลที่ไปเรียนขอบอกเป็นข้อๆ เข้าใจง่ายๆ ละกันค่ะ

1. เราชอบภาษาเกาหลีอยู่แล้ว แล้วเมื่อตอนช่วงปีหนึ่งก็ได้เรียนภาษาเกาหลีเบื้องต้นไปแล้วในไทยค่ะ ได้ระดับหนึ่งพอคุยกับคนเกาหลีรู้เรื่อง เลยอยากจะไปต่อยอดเรียนให้เก่งขึ้นและหาประสบการณ์ให้ตัวเอง ก่อนที่ตัวเองจะหมดไฟในการเรียนรู้ (  แต่ตอนนี้ก็ทำงานอยู่นะคะ จนกว่าจะไปเรียนนั่นแหละ )

2. อยากได้ภาษาเกาหลีแบบพูดฉอดๆ มีความคิดว่าถ้าได้ภาษาใดสักภาษาหนึ่งแล้วน่าจะต่อยอดแล้วเป็นหนทางดีๆ ในอนาคต

3.บอกก่อนเลยว่าเราติดบ้าน ติดพ่อ ติดแม่ ติดพี่มาก ตั้งแต่เรียนไม่เคยห่างไกลจากบ้านโดยแบบฉายเดี่ยวเลยได้ถูกส่งไปเรียนนี่เองจ้า (ไปทำอะไรด้วยตัวเองซะไป๊)

 เอาเป็นว่าเหตุผลแค่นี้ก็เกินพอแล้วค่ะ  5555555

ทำไมถึงเลือกเรียนที่ยอนเซ
ชอบค่ะ ชอบล้วนๆ  ชอบทั้งตัวมหาวิทยาลัยและอยากเรียนหลักสูตรแบบแน่นๆ เลยค่ะ  จริงๆ แม่กับพี่อยากให้ไปเรียนยอนเซค่ะ เลยเลือกไป แต่คนรอบตัวบอกไปเรียนซอกังสิ ได้พูดเก่งๆ แต่สุดท้ายก็เลือกยอนเซนี้แหละค่ะ เราจะพูดเก่งไปเองถ้ามีความกล้าจะไปคุยกับคนเกาหลี (ถึงเวลาต้องแบบไฟล์ทบังคับ)

มาดูขั้นตอนการสมัครเรียนภาษาเกาหลีที่มหาวิทยาลัยยอนเซกัน!!!!


 

10/24/2560

พาเที่ยวหมู่บ้านเทพนิยาย Donghwa Village (동화마을) ในเมืองอินชอน





Fairy Tale Village หรือหมู่บ้านเทพนิยาย (Donghwa Village) ที่ Songwol-dong ในเมืองอินชอน เป็นถนนเส้นเล็กๆ แต่น่าเดินถ่ายรูปมาก เนื่องจากถนนเส้นนี้ เต็มไปด้วยบ้านที่มีการเพนท์กำแพงหลากหลายสีสันเต็มผนังบ้าน ทั้งกำแพงและทางเดินต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกราวเหมือนอยู่ในโลกของเทพนิยายสุดโด่งดัง รวมถึงการ์ตูนดิสนีย์ ไม่ว่าจะเป็น ปีเตอร์แพน อลาดิน หนูน้อยหมวกแดง จากหมู่บ้านที่เคยเงียบเหงากลับกลายเป็นหมู่บ้านที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวเกาหลีเอง หรือแม้กระทั่งชาวต่างชาติได้อย่างมากมาย


แม้จะเป็นเพียงแค่ถนนเส้นเล็กๆ แต่ก็ยังคงมีหลายจุดให้ได้ไปแชะ และถ่ายรูปกันอย่างไม่เบื่อเลยค่ะ








ซึ่งแน่นอนเลยว่า สำหรับการเดินทางก็ง่ายๆ ใครที่ไป china town อยู่แล้วก็เดินเลยไปอีกนิด ก็จะเจอหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ที่ปลายทางเลยค่ะ เรียกได้ว่าใครไปได้ถึงสองต่อเลย คุ้มมากๆ เพราะแค่สองที่นี้ก็ถ่ายรูปกันเพลินแล้ว


 การเดินทาง : จากสถานี อินชอน(Incheon Station) ที่ทางออก 2หรือ 3 เดินเลยไปจาก china town (ดูภาพใหญ่คลิกที่รูป)