11/28/2560

การโอนเงินค่าเรียนไปมหาลัยที่เกาหลี




หลังจากสมัครเสร็จแล้วและทางยอนเซก็ให้เลขบัญชี invoid มา เราก็ทำการปริ้นให้เรียบร้อยนะคะ เพราะใบนี้ต้องเป็นข้อมูลในการไปกรอกเอกสารที่ธนาคารตอนจะโอนเงินไปค่ะ 


เนื่องจากเราสมัคร 2 เทอมจึงได้เลข swift code มาสองใบไม่เหมือนกันค่ะ ใบแรกจะเสียค่าสมัครเพิ่มอีก 80,000 วอน ส่วนใบของเทอมที่ 2 จะไม่เสียค่าสมัคร แต่ยอนเซสามารถให้จ่ายค่าเทอมพร้อมกันได้โดยใช้โค้ดใบแรก เพราะฉะนั้นถ้าใครมีเงินพร้อมอยู่แล้วแนะนำให้จ่ายพร้อมกันเลยค่ะ จะได้เสียค่าธรรมเนียมทีเดียว 

เราเลือกธนาคารกรุงไทยในการโอนเงินไปต่างประเทศ

ตอนแรกตั้งใจจะโอนเป็นเงิน USD ไปแต่ทางธนาคารบอกว่า ใบที่ปริ้นมาให้เป็นสกุลเงินเกาหลี ต้องโอนเป็นเกาหลีนะคะ เราก็ตอบไปว่า ก็ได้ค่ะ เขาก็คำนวนให้เสร็จสรรพ ตอนบอกเจ้าหน้าที่แนะนำบอกเขาว่าให้รวมเงินและโอนไปในโค้ดแรกเลยด้วยนะคะ ไม่งั้นพี่เขาจะเข้าผิดคิดว่าโอนอย่างละใบ


การโอนเงินเราเสียค่าธรรมเนียมไปทั้งหมด 1200 บาทค่ะ (บอกจนท.ด้วยว่าโอนแบบเราเป็นคนจ่ายค่าธรรมเนียมฝั่งนู่นเอง) เพราะว่า ยอนเซจะไม่ออกเงินค่าธรรมเนียมเองค่ะ  หลังจากนั้นเขาก็ตีราคาเป็นเงินไทยให้ สรุปเรทที่เราได้ประมาณ 0.031 กว่าซึ่งสำหรับถือว่าไม่แพง เป็นราคามาตารฐานโชคดีหน่อย

จริงๆแล้วเราไม่รู้ว่าสาขาอื่นหรือพวกในตัวเมืองไรงี้จะได้ใบเสร็จการโอนมาเลยมั้ย แต่ของเราเขาบอกให้รอระหว่างโอน 7-10 วัน แล้วเขาก็ให้ใบสลีฟแบบไม่ใช่ตัวจริงมาก่อนค่ะ


หลังจากนั้นผ่านไปวันเดียว ทางธนาคารกรุงไทย (สาขาใหญ่) ก็เมลมาค่ะ ด้วยการส่งใบเสร็จตัวจริงมาให้ (ตอนแรกบอกหลายวัน) รวดเร็วทันใจจริงๆ

- เราก็นำเอกสารที่เขาเมลมา เพื่อแนบไฟล์แจ้งเมลส่งไปทางยอนเซค่ะ โดยมีหมายเหตุว่า จ่ายพร้อมกันสองเทอมนะแค่นี้ก็เรียบร้อยค่ะ รอเขาตอบกลับมาอีกที (ประมาณไม่เกิน 2 อาทิตย์)

อุปสรรคไม่หมดแค่นั้นจ้า ...
เพราะทันทีที่ทางยอนเซได้รับเงินเรียบร้อย เขาก็แจ้งมาว่า เนื่องจากช่วงที่รับค่าเงินเกาหลีมีความเปลี่ยนแปลง จึงต้องจ่ายเงินเพิ่ม! (omg) คิดในใจต้องโอนและเสียค่าธรรมเนียมอีกทีมั้ย

สรุปนะคะ

- เขาให้เราไปจ่ายเพิ่มตอนวีคแรกทีไปเรียนที่ห้องติดต่อธุระของม.ยอนเซค่ะ ซึ่งเงินที่ค่าต่างนั้น เหลือจ่ายประมาณ 1 หมื่นวอนเท่านั้นเอง โอเคโล่งอกไปที   เท่านี้ก็เสร็จขั้นตอนการจ่ายเงินเรียบร้อยค่ะ เตรียมตัวไปเรียนได้
 
และทางยอนเซก็ขอที่อยู่ไป เพื่อจะส่งเอกสารใบตอบรับของมหาวิทยาลัย มาเพื่อขอวีซ่า D-4 นั่นเอง

หากมีอะไรสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่อีเมล alljourneys.havesecret@gmail.com และช่องทางการติดต่อที่แท็บบล็อกด้านบนนะคะ

11/15/2560

วิธีการสมัครเรียนภาษาเกาหลีที่ยอนเซ

สมัครเรียนภาษาเกาหลีที่เกาหลี

ต้องออกตัวก่อนนะคะว่าเราไม่เก่งภาษาอังกฤษ ด๋อยมากมาย พอถูไถงูๆปลาๆและพึ่งปู่เกิลล้วนๆ เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยไว้ก่อนนะคะ 

1.เว็บที่ใช้ในการสมัครเรียนภาษาของยอนเซคือ เว็บ  www.yskli.com
     
2.วิธีการสมัครก็สมัครปกติค่ะ เหมือนพวกสมัครเว็บอื่นทั่วๆ ไป คลิกที่ Join ด้านบนขวา  มันจะขึ้นให้ยอมรับเงื่อนไขการสมัคร ก็คลิก I agree สองช่องเลยค่ะ 


3.กรอกทุกอย่างที่ขึ้นช่องมาให้ค่ะ เน้นอันที่มีดอกจันสีแดงต้องกรอกให้ครบ เสร็จแล้วคลิก submit 

4.หลังจากนั้นดูข้อมูลโปรแกรมที่เราจะสมัครเลยค่ะ ในส่วนนี้เราสมัครโปรแกรม regular program หน้าเว็บสำหรับดูโปรแกรม คลิก > programs  ดูรายละเอียดคอร์สที่จะสมัคร

เรื่องการสมัครลงคอร์สนะคะ เราบอกก่อนเลยว่า

รายละเอียดของการสมัครจะเปลี่ยนไปในทุกๆปี จากเคยดูรีวิวคนอื่นเมื่อหลายปีก่อนพอมาลองสมัครเองจริง ร้องเห้ยหนักมากเด้อ เปลี่ยนไปเลยจ้า งมกันต่อไป สิ่งที่เราจะแนะนำและเป็นแนวทางเป็นช่วงการสมัครของปี 2018 นะคะ (ในอนาคตไม่รู้ว่าฟอร์มจะเปลี่ยนไปมั้ย) ซึ่งหลังจากนี้จะเปลี่ยนไปยังไงไม่รู้แล้ว (แต่ระหว่างนั้นน่าจะยังสอบถามได้เสมอ)


ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจของคอร์ส ที่เราสมัครกันก่อนดีกว่าค่ะ

1. เราเลือกลงเรียนคอร์ส regular program แบบธรรมดาค่ะ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกัน 3 คอร์สด้วยกัน ได้แก่ คอร์ส A , B , C  ในส่วนนี้เราเลือก คอร์ส A ค่ะ เพราะเป็นการเรียนช่วงเช้า 9 โมง- บ่ายโมง เราชอบเรียนช่วงเช้ามากกว่าค่ะ ถ้าช่วงบ่ายความขี้เกียจจะต้องมาเต็มแน่นอน ว่าแต่  แต่ละคอร์สจะแตกต่างกันยังไง ไปดูกันค่ะ

คอร์ส A มีทั้งหมด 6 ระดับค่ะ โดยครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด 10 บท/ คอร์ส ซึ่งสามารถเรียนรู้เสร็จสิ้นในระยะเวลา 1 ปีครึ่ง (ถ้าเริ่มตั้งแต่คอร์สแรก)
-  คอร์ส B มีทั้งหมด 8 ระดับจะใช้เวลายืดกว่าค่ะ ครอบคลุม 8 บท/คอร์ส ใช้เวลาประมาณ 2 ปี โดยทางยอนเซก็แนะนำว่าเหมาะกับชาวตะวันตก เพราะไม่คุ้นชิ้นด้านไวยกรณ์ต่างๆ
และคอร์ส C เหมือนคอร์ส A เลยค่ะแต่แตกต่างกันที่คอร์สนี้จะเริ่มเรียนในช่วงบ่ายค่ะ





**ช่วงเวลาการเปิดรับสมัคร ปิดรับสมัคร หรือแม้แต่การจ่ายเงินในเว็บบอกเราเรียบร้อยเลยค่ะ ใครที่ตั้งใจจะสมัครอยู่แล้วแนะนำให้สมัครช่วงแรกๆ ไว้ดีกว่าค่ะ กันมีปัญหาเรื่องเอกสาร**

2. เรื่องของค่าใช้จ่ายค่ะ มีค่าใช้จ่ายในการสมัคร 80,000 วอน และค่าเรียนต่อเทอม (10 week) 1,730,000 Won ประมาณ 50,000 บาทกว่าๆ ค่ะ

3. สำหรับรายละเอียดอื่นๆ ทางยอนเซบอกไว้หมดเลยค่ะ รายละเอียดในนี้ค่ะ https://www.yskli.com/_en/proc/p1.asp  




การสมัครลงคอร์ส

1.อันดับแรกเข้าไปที่ online Application ที่แท็บด้านบนค่ะ จะขึ้นมาตามภาพ ถ้าสนใจลงสมัครอันไหนก็เลือกตามหัวข้อเลยค่ะ  เราเลือก regular program





2. จากนั้นก็จะขึ้นใบสมัครมาให้กรอกต่างๆ ถ้าเป็นไปได้กรอกทุกช่องค่ะ แต่ที่แน่ๆ ต้องกรอกช่องที่มีเครื่องหมายดอกจันสีแดงให้ครบ  ในส่วนนี้มีให้กรอกทั้งแบบ

       -  Academic background  : ส่วนนี้จะเกี่ยวกับทางวิชาการค่ะ เช่น สถานะการเรียนตอนนี้  การเข้าเรียน  คณะสาขาที่เราเรียน 

      -  จะมีถามว่าเคยลงโปรแกรมคอร์สเรียนกับยอนเซมาก่อนมั้ย ก็ให้ตอบไปถามความจริง

     Fluency in Korean  : ในส่วนนี้จะมีให้เลือก none & poor ค่ะ ถ้าเลือก none คือเขาลงที่ระดับหนึ่ง เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นเลยค่ะ แต่ถ้าเลือก poor จะมีการทดสอบความรู้เราก่อนเข้าชั้นค่ะ ว่าเราจะอยู่ในระดับไหน บางคนเก่งอาจจะเริ่มที่ระดับ 2 และ 3 ก็มีค่ะ 

     -  How long do you intend to study at KLI? อันนี้เพื่อความชัวร์ให้ลงวันแรกที่เราจะลงคอร์สฤดูกาลนั้นจนถึงวันสุดท้ายที่เราจะลงเรียนค่ะ (ดูได้ตามตารางเปิดรับสมัครนะคะ)

       - Document Requests ส่วนนี้สำคัญมาก  ในส่วนนี้เขาจะให้เราอัพโหลดไฟล์ตามที่เขาขอมาค่ะ ทั้งพาสปอร์ต ใบจบ ทรานสคริป บลาๆ นะนำว่าควรทำให้เรียบร้อยก่อนสมัครจะดีที่สุดค่ะ ซึ่งการตั้งชื่อไฟล์ที่จะอัพโหลด ให้ใช้ชื่อไฟล์ด้วยตัวเลข เช่น 1 , 2 , 3 ห้ามใส่ข้อความของเอกสารนั้นนะคะ เช่น passport  ซึ่งในส่วนเอกสารนั้น เราจะขยายความต่อในข้อ 3 ค่ะ 


3. เข้าเรื่องในส่วนขยายความการขอเอกสารจาก Document Requests  ค่ะ ในส่วนนี้เขาจะขอ พาสปอร์ต ทรานสคริป รับรองบัญชีเงินฝากค่ะ 

     - Passport อันนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ สแกนพาสปอร์ตของเราปกติแล้วอัพโหลดส่งไปให้เขา

      - Transcript or diploma from the last school attendedทรานสคริปและใบรับรองการศึกษา เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น (อันนี้มีให้อัพโหลดสองช่อง อัพแยกกันเลยเน้อ)ถ้าไม่มีต้องเอาไปแปลแล้วให้กงสุลรับรองค่ะ ในส่วนนี้ของเราเป็นใบที่จบการศึกษาตามโครงสร้างหลักสูตร และใบเกรดตั้งแต่เรียนค่ะ รับรองจากทางมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาออกภาษาอังกฤษ อยู่แล้วเลยไม่มีปัญหาอะไร


  Certificate of deposit balanceใบรับรองทางการเงิน (finalcial statement)  อันนี้แค่ส่งใบรับรองทางการเงินที่มียอดเงินตรงตามที่เขาบอกเป็นยอดเงินสุดท้าย คือ ทางยอนเซให้มีฐานเงินในบัญชีอยู่ที่ 10,000  USD ประมาณ 350,000 แสนกว่าบาท ไม่ใช่เสตจเม้นท์ที่ย้อนหลังไป 3 เดือนหรือ 6 เดือนค่ะ  แต่ ! ถ้าเพื่อความแน่นอน จะฝากเงินไว้ล่วงหน้ามีเงินหมุนในช่วงระยะเวลา 3 เดือนและยอดต้องถึง 9000 USD ก็ได้ค่ะ (bank balance certificate) 
     * ไปบอกธนาคารได้เลยค่ะว่าต้องการใบ finalcial statement รับรองทางการเงินเป็นแบบภาษาอังกฤษตรงนี้ค่าใช้จ่าย 100 บาทค่ะ *


   - และที่สำคัญ ช่องอัพโหลดยังไม่มีค่ะ แต่เขาให้ส่งเอกสารเพิ่ม ซึ่งคือ A copy of Family Reationship Certificate Or Birthday Cerificate ใบรับรองความสัมพันธ์ครอบครัว จะเป็นทะเบียนบ้าน หรือ ใบสูติบัตร(ใบเกิด) ก็ได้ค่ะ ซึ่งเราเลือกใบเกิด  ในส่วนนี้ให้เรา นำใบเกิดเวอร์ชั่นภาษาไทย ไปแปลเป็นภาษาอังกฤษก่อน (อันนี้เราจ้างในเว็บแปลค่ะ)  > เสร็จแล้วนำไปให้กงสุลรับรองเอกสาร ค่ะ  
 สำหรับการแนบไฟล์นะคะ ให้แนบเอกสารความสัมพันธ์ไปพร้อมกับเอกสารทางธนาคารเลยก็ได้ค่ะ   

สรุปเอกสารที่ต้องยื่นไปก่อนที่จะได้รับใบโอนเงินมานะคะ
* ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ*
- ใบจบยืนยันสถานะการศึกษา
- ทรานสคริปหรือใบเกรด
- สำเนาพาสปอร์ต
- ใบรับรองฐานะทางการเงิน
- ใบยืนยันความสัมพันธ์ครอบครัว


4. เสร็จแล้วกด submit แล้วจะขึ้นหน้าต่อไป สำหรับการลงเวลาเรียน การเลือกคอร์สต่างๆ เพียงแค่นี้ก็เสร็จสิ้นแล้วค่ะ เหลือแต่การรอตอบกลับผ่านทาง E-mail (ใช้เวลาไม่เกิน 2 วีค)

5.เพียงแค่นี้ก็เสร็จสิ้นการสมัครแบบออนไลน์แล้วค่ะ หากมีอะไรสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่อีเมล alljourneys.havesecret@gmail.com และช่องทางการติดต่อที่แท็บบล็อกด้านบนนะคะ 

อ่าน การโอนเงินค่าเรียนไปม.ยอนเซ คลิก !

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆคนนะคะ ช่วยเมนท์เป็นกำลังใจด้วยนะคะ









              



  



เหตุผลที่เลือกไปเรียนภาษาเกาหลีที่เกาหลี

อันยองฮาเซโย แอดมิน “ทุกการเดินทางมีความลับ” เองนะคะ ก่อนอื่นแนะนำตัวก่อน เราอายุ 23 ปีเนอะ เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ฉบับใหม่แกะกล่อง วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี ก่อนที่จะลืมรายละเอียดเลยมาขออัพไว้ก่อน ซึ่งประเด็นในวันนี้คือ “ การสมัครเรียนภาษาเกาหลีที่เกาหลี(ม.ยอนเซ)” นั่นเอง โดยการสมัครด้วยตัวเองนะคะ ไม่ผ่านเอเยน เอ้ย เอเจนซี่ใดๆ วันนี้จะอยากมาแนะนำและเป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากเรียนภาษาเกาหลีที่เกาหลีค่ะ



เหตุผลที่มาแนะนำ
          เนื่องจากเราได้ผ่านมรสุมเขตร้อนมาอย่างหนักหน่วง อารมณ์แบบว่าจะสมัครแต่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมเอกสารก่อนสมัคร เลยยุ่งยากพอควร โดนทางม.ให้ส่งเอกสารเพิ่มเป็นระยะๆ เลยต้องการที่จะมาแนะนำและแล้วทางเพื่อคนที่สนใจได้ทำแบบรวดเร็ว ไม่ต้องปวดหัวแบบเรา (ฮรือ) 

เหตุผลที่เลือกจะไปเรียน
เหตุผลที่ไปเรียนขอบอกเป็นข้อๆ เข้าใจง่ายๆ ละกันค่ะ

1. เราชอบภาษาเกาหลีอยู่แล้ว แล้วเมื่อตอนช่วงปีหนึ่งก็ได้เรียนภาษาเกาหลีเบื้องต้นไปแล้วในไทยค่ะ ได้ระดับหนึ่งพอคุยกับคนเกาหลีรู้เรื่อง เลยอยากจะไปต่อยอดเรียนให้เก่งขึ้นและหาประสบการณ์ให้ตัวเอง ก่อนที่ตัวเองจะหมดไฟในการเรียนรู้ (  แต่ตอนนี้ก็ทำงานอยู่นะคะ จนกว่าจะไปเรียนนั่นแหละ )

2. อยากได้ภาษาเกาหลีแบบพูดฉอดๆ มีความคิดว่าถ้าได้ภาษาใดสักภาษาหนึ่งแล้วน่าจะต่อยอดแล้วเป็นหนทางดีๆ ในอนาคต

3.บอกก่อนเลยว่าเราติดบ้าน ติดพ่อ ติดแม่ ติดพี่มาก ตั้งแต่เรียนไม่เคยห่างไกลจากบ้านโดยแบบฉายเดี่ยวเลยได้ถูกส่งไปเรียนนี่เองจ้า (ไปทำอะไรด้วยตัวเองซะไป๊)

 เอาเป็นว่าเหตุผลแค่นี้ก็เกินพอแล้วค่ะ  5555555

ทำไมถึงเลือกเรียนที่ยอนเซ
ชอบค่ะ ชอบล้วนๆ  ชอบทั้งตัวมหาวิทยาลัยและอยากเรียนหลักสูตรแบบแน่นๆ เลยค่ะ  จริงๆ แม่กับพี่อยากให้ไปเรียนยอนเซค่ะ เลยเลือกไป แต่คนรอบตัวบอกไปเรียนซอกังสิ ได้พูดเก่งๆ แต่สุดท้ายก็เลือกยอนเซนี้แหละค่ะ เราจะพูดเก่งไปเองถ้ามีความกล้าจะไปคุยกับคนเกาหลี (ถึงเวลาต้องแบบไฟล์ทบังคับ)

มาดูขั้นตอนการสมัครเรียนภาษาเกาหลีที่มหาวิทยาลัยยอนเซกัน!!!!