9/06/2561

เรียนภาษาเกาหลีที่ยอนเซ เป็นอย่างไร เรียนยังไง + กฏหินยอนเซ




เรียนภาษาเกาหลีที่ยอนเซ เป็นอย่างไร แตกต่างกับที่อื่นมากมั้ย? ตอบเลยค่ะว่า เราไม่ทราบว่าต่างจากที่อื่นมั้ย เพราะไม่เคยไปเรียนของที่อื่น ในส่วนนี้คือเราจะบอกของการเรียนภาษาเกาหลีที่ม.ยอนเซเท่านั้นนะคะ


1. ระบบการเรียนการสอน 
    การเรียนการสอนที่นี่ต่อภาคเรียนจะมีอาจารย์ 2 คน คืออาจารย์ที่สอนแกรมม่า การเขียน และอาจารย์ที่สอนการอ่านและพูด ซึ่งในส่วนนี้อาจารย์จะสลับกันมาพาร์ทเช้า 2 ช่วง กับพาร์ทบ่าย 2 ช่วงค่ะ
ในทุกๆ เลเวลจะมีกิจกรรมให้ทำ และมีส่วนร่วมกันแบบทั้งห้องด้วยค่ะ 

2. เวลา
การเรียนเริ่มต้นที่ 09:00 น. - 13:00 น. ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ แบ่งออกเป็น 4 คาบเรียน พักช่วงละ 10 นาที และคาบกลางพัก 20 นาที  

3. การสอบ
การสอบที่นี่แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 พาร์ทค่ะ  คือ
-     การพูด ( 말하기) สนทนาจดจำหน้าห้องหรือบางครั้ง จะเป็นให้เราเขียนก่อนแล้วออกไปพูดแล้วแต่เลเวล บางกึบเป็นจับคู่พาร์ทเนอร์ ได้พาร์ทเนอร์ดี ขยัน มีชัยไปกว่าครึ่งเด้อ   นอกจากนี้ยังมีสอบพูดที่เป็นการ สอบสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับอาจารย์ที่เรียนด้วยค่ะ โดยการสอบพูดต้องนำแกรมม่าที่เรียนมาทั้งหมดพยายามมาตอบให้ได้มากที่สุดถึงจะได้คะแนนเยอะๆ ค่ะ  

การอ่าน (일기) ข้อสอบในหนังสืออิลกีจากในหนังสือที่เรียน และเนื้อหาจากข้างนอกตอบเป็นชอยส์ค่ะ   นอกจากนี้ยังมีการสอบอ่านด้วยการใช้สำเนียง(발음) อีกด้วย


- การเขียน (쓰기)  ซึ่งในส่วนนี้จะรวมแกรมม่าที่เรียนมาและการเขียนเป็นบทความตอบแบบessay ด้วยจ้า โดยจะแบ่งเรื่องมาให้สองเรื่องให้เลือกและที่สำคัญต้องนำแกรมม่าที่เรียนมามาเขียนค่ะ

- การฟัง (듣기)  อย่างที่บอกเป็นการฟังค่ะ มีกระดาษเป็นชอยส์รวมถึงให้เขียนตอบให้ จากการฟังแผ่นซีดีที่ทางอาจารย์จะเป็นคนเปิดให้ ข้อละ 2 รอบเท่านั้น ฟังไม่ทันก็ข้ามไปนะคะ อย่าจมอยู่กับข้อที่คิดไม่ได้ ไม่งั้นรวมแน่ๆค่ะ 




4. ที่ยอนเซเขาไม่ได้เน้นพูดเท่าซอกังหรอคะ?
ในส่วนนี้เราไม่รู้ว่าซอกังเรียนยังไง แต่ได้ยินมาว่ามีเกมให้เล่น แบ่งเป็นกลุ่มเลยแลกเปลี่ยนการพูดกันบ่อยมากๆ ซึ่งทางยอนเซจากเป็นที่คุ้นหูมาว่า เน้นแกรมม่า ซึ่งเป็นเรื่องจริงค่ะ ใครมาเรียนที่นี่แกรมม่าแน่นมากกกกกก คือจบไปเก่งเลยค่ะ  ส่วนการพูดไม่ใช่ว่าที่นี่ไม่เรียนนะคะ เรียนเหมือนกันค่ะ ซึ่งเราบอกเลยว่าการพูด อยู่ที่ตัวเราเองล้วนๆ !  ถ้าคุณไม่กล้าที่จะพูดลองผิดลองถูกก็จะคือจะไม่ค่อยได้นำมาใช้ พยายามคุยกับเพื่อนต่างชาติเยอะๆ และจำกับตัวเองไว้ว่าห้ามนำภาษาอังกฤษมาใช้ค่ะ ใช้แต่ภาษาเกาหลีเท่านั้น และพูดบ่อยๆ เมาท์ไปเรื่อยๆ เวลาอาจารย์ถามก็ตอบค่ะ  และพูดจะเก่งขึ้นเยอะมากๆค่ะ ส่วนสำเนียงนั้น พอเราอยู่ที่เกาหลีเราก็จะได้ฟังคนรอบข้างอยู่เรื่อยๆ และเราก็จะชินไปเองค่ะ  

กฏหินของยอนเซ!!ไม่ปฏิบัติตามมีสิทธิ์ไล่ออก

1.  การให้คะแนนนั้น ดยการสอบทั้งหมดแต่ละพาร์ท ห้ามต่ำว่า 60 คะแนน(แต่ละครั้ง) หรือถ้าต่ำกว่า ปลายภาคต้องทำให้คะแนนได้ดีค่ะ  ทั้งกลางภาคและปลายภาค โดยเขาจะเฉลี่ยคะแนนค่ะ ถ้าต่ำกว่าและตกหนึ่งอันจะมีการซ่อมเกิดขึ้นค่ะ (เสียเงินเพิ่ม10,000won) แต่ถ้าตกสองพาร์ทขึ้นไป เรียนใหม่เลยเจ้าาา  ซ้ำชั้นนั่นเอง #อะไรมันจะโหดสัสรัสเซียขนาดเน้

80% = Midterm 40% + Final 40% - (Speaking 25% / Listening 25% / Reading 25% / Writing 25%) 
20% = Class participation, comprehension, pronunciation, intonation, etc.

2.หากสอบตกเกิน 2 ครั้ง/เลเวล ยอนเซจะไม่อนุญาตให้เรียนกับสถาบันต่อแล้วค่ะ จะถูกไล่ออกเลยค่ะ (ในส่วนนี้ไม่สามารถเรียนต่อได้แล้วน้า)

3. การเรียนห้ามขาดสอบ และห้ามขาดเกิน 40 ชั่วโมง (ถือว่าปรับซ้ำชั้น)  การนับเวลาจะเริ่มนับทุกๆชั่วโมงของแต่ละพาร์ท หากมาสายเกิน 15 นาทีจะถูกปรับเป็น 1 ชั่วโมง และหากไม่เกินถ้าถึง 3 ครั้งจะถูกปรับเป็น 1 ชั่วโมงค่ะ






จบการรีวิวเท่านี้จ้า ใครมีคำถามอะไร หรืออยากรู้อะไร ถามได้ที่ทวิตเตอร์หรือบทความนี้เลยค่ะ








5/25/2561

การทำเอเลี่ยนการ์ดที่เกาหลี ! (2018)

บทความคลอดแล้วเด้อออออ ! ไม่พร่ำเยอะ วันนี้เราจะมาบอกวิธีการทำเอเลี่ยนการ์ด (Alien Registration Card ) ที่เกาหลีกันดีกว่าค่ะ การทำเอเลี่ยนการ์ดสำคัญไฉน ขอพูดคร่าวๆ ว่า มันสามารถเปิดเบอร์เกาหลีได้ เปิดอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง และที่สำคัญคุณจะใช้ชีวิตได้แบบสิทธิแบบคนเกาหลีได้ในระดับหนึ่งกันเลย ที่สำคัญนั้นคือ.. จะสมัครบัตรสมาชิกต่างๆได้ด้วยยยยย เช่น ร้านเครื่องสำอาง เพราะถึงคราวลดราคานะ เปย์แหลก!


คนที่ทำเอเลี่ยนการ์ดคืออยู่เกาหลีไม่ต่ำกว่า 6 เดือนจ้า ซึ่งเรามาเรียนนั้น เราถือวีซ่า D4 อยู่นั้นเอง และอย่าลืมติดต่อทำบัตรภายใน 90 วันนะจ้ะ ไม่งั้นจะแย่เอาาาาา การทำเอเลี่ยนการ์ดความจริงแล้วมหาวิทยาลัยจะมีเอกสารบอกว่าเราต้องทำอะไรยังไง แต่เราเชื่อว่าคนที่หลงเข้ามาในบทความนี้ ย่อมมีความจำเป็นและต้องการความช่วยเหลืออย่างยิ่ง ก็เอกสารที่มอให้มามันไม่เก็ทอะเข้าใจมะ! 


อ่ะ ไหนบอกจะไม่พร่ำเยอะ ก็อดไม่ได้อยู่ดี อ่ะมาเริ่มขั้นตอนกันเลย 

        1. ก่อนจะทำบัตรต้องทำการจองคิวการทำผ่านเว็บไซต์ก่อนค่ะ เว็บที่ว่าคือเว็บ  https://www.hikorea.go.kr/pt/main_en.pt จ้า ต้องทำการจองเท่านั้นถึงจะไปทำเอเลี่ยนการ์ดได้  ก็ให้กรอกเลขพาสปอร์ต จองวันเวลาที่ไปทำค่ะ เมื่อจองเสร็จแล้วก็ไปตามวันเวลานั้น การจองอย่าลืมเลือกสาขาของสถานที่ที่ไปทำด้วยนะคะ เราอยู่ซอแดมุน เลยไปทำที่ Seoul Southern Immigration Office จ้า   (เราแปะที่อยู่และที่ที่จะทำเอเลี่ยนการ์ดให้นะคะ ตามรูปด้านล่างเลย) 



       2.เอกสารที่ต้องใช้  
  • พาสปอร์ตและสำเนา
  • วีซ่าและสำเนาวีซ่า
  • แบบฟอร์ม
  • ใบตรวจสุขภาพ ผลตรวจวัณโรค (ส่วนนี้ใช้ได้แค่ที่รพ.เกาหลีเท่านั้นนะคะ ในรายละเอียดของแต่ละมหาวิทยาลัยจะบอกว่าให้ไปที่ไหนจะสะดวก ถ้าเป็นของยอนเซให้ไป seodaemun health center )
  • ใบสัญญาที่พักในระหว่างที่อยู่เกาหลี
  • เอกสารรับรองการเข้าศึกษาจากมหาวิทยาลัย
  • รูปถ่ายขนาด 3.5×4.5 (ต้องเห็นหู)
  • และค่าธรรมเนียม 30,000 วอนจ้า
    3. เมื่อถึงวันที่จองไว้แล้ว ก็ไปดูคิวที่บอร์ดข้างหน้าค่ะ ว่ามีชื่อเราตรงตามเวลาที่จองไว้หรือไม่ ถ้ามีก็รอตามเวลาที่จองไว้ได้เลย



    4. ระหว่างรอไปจ่ายค่าธรรมเนียมที่ชั้น 1 หรือชั้น 2 ก่อนก็ได้ค่ะ ในส่วนนี้จะมีเจ้าหน้าที่ทำให้

    5. เมื่อถึงคิวที่เรียกก็ยื่นเอกสารทั้งหมดให้เสร็จสรรพ พอยื่นเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้ใบนัดรับมาให้ โดยระบุวันที่ชัดเจน ( จะไปรับหลังจากวันที่นัดหมายก็ได้ค่ะ ) แค่นี้ก็เสร็จสิ้นค่ะ กลับบ้านได้

วันนัดรับ
 พอถึงวันนัดรับก็ให้เอาใบที่เขาให้ครั้งที่แล้วไปยื่นที่ชั้น 2 ด้วยการกดบัตรคิวก่อน แล้วก็จะถึงคิวเรียก ก็รับเลยค่ะ แปปเดียวไม่นาน แค่นี้เราก็ถือเอเลี่ยนการ์ด และสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้แย้ว  เย้เย้


 หากมีอะไรสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่อีเมล alljourneys.havesecret@gmail.com และช่องทางการติดต่อที่แท็บบล็อกด้านบนนะคะ  

* ไม่อนุญาตให้รีโพสต์ ใช้รูป และก็อปปี้เนื้อหาไปเผยแพร่ที่อื่นค่ะ* 



3/18/2561

รีวิวโกชีวอน "maru residence ชินชน" เรียนภาษาเกาหลีที่ยอนเซ

หลายคนเรียกร้องกันหนักมาก! ให้รีวิวโกชีวอนที่เราอยู่ ... ดังนั้นเราเลยต้องมารีวิวสักที หลังจากดองแล้วดองเล่า  โกชีวอนที่เรามาเช่าชื่อว่า maru residence นะคะอยู่ตรงด้านหน้าของมอยอนเซ เพื่อความสะดวกสบาย เลยเช่าที่นี่ และดูจากในรูปคือสะอาดสะอ้าน ก็เลยเอาว่ะ .. ลองติดต่อไปดูก็ได้ ก็เลยติดต่อจากอีเมลไป สักพักเขาบอกให้ติดต่อมาทาง kakaotalk ก็เลยคุยกันง่ายขึ้น 

มีคนถามว่าหาจากเว็บไหน เราหาจากเว็บ goshipage จ้า 

เราติดต่อล่วงหน้าประมาณเดือนนึงหรือเดือนครึ่งเลย ถ้าจำไม่ผิด และถามเขาว่ามีห้องว่างมั้ย สรุปคือมีค่ะ ก็เลยขอดูรูปห้อง ห้องว่างอยู่2-3 ไทป์เลยมีสิทธิ์เลือกเยอะหน่อย  ลำพังนี่ก็เคยได้ยินมานะคะว่าแบบอย่าดูแค่รูป เพราะถ้าไปดูจริงๆ จะผิดหวัง แต่เราทำใจไว้ละ เพราะเคยไปพักที่เกาหลีห้องเล็กๆ มาก่อน 

เราพล่ามมาเยอะแล้วค่า ไปดูภาพจริงหลังการเข้าพักกันก่อนเลย 




อันนี้เป็นในส่วนของห้องที่เราพักเองค่ะ ห้องนอนโดยมีเฟอร์นิเจอร์ตู้ใส่ของด้านบน ทีวี แอร์ส่วนตัว(แบบไม่ยึดรีโมร์ท) ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้าขนาดเล็ก ห้องน้ำส่วนตัว  ถังขยะ หน้าต่าง(ไม่ทุกห้อง) โดยที่พักที่นี่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ตส่วนตัวให้เรียบร้อยแล้วค่ะ คุ้มมากๆ  ราคาที่เราพักคือ 400,000 วอนต่อเดือน หรือ 12,000 บาทไทยนั่นเอง  ห้องนอนก็จะประมาณนี้ 



ในส่วนนี้คือด้านหน้าของที่พักค่ะ ชั้น 4 ก็จะมีล็อกเกอร์ใส่รองเท้าให้ด้วย แต่ห้องเราอยู่ข้างในนะคะ มีร่มให้ใช้ฟรี 
 ด้านนอกตรงระหว่างบันไดแต่ละชั้นก็จะมีถังขยะอันใหญ่ไว้ให้ใส่ โดยต้องแยกขยะตามที่บอกไว้ด้วยค่ะ ที่เกาหลีซีเรียสเรื่องนี้มากๆ


ซึ่งในชั้นที่เราพักก็จะมีครัวขนาดย่อมๆ ให้ด้วย แต่ครัวในแต่ละชั้นจะให้ใช้ในระยะเวลา 9 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มเท่านั้น ไม่งั้นจะหนวกหูเสียงดังคนอื่นค่ะ  แต่ที่นี่ก็มีครัวใหญ่ให้เช่นกัน ซึ่งอยู่ที่รูฟท็อป จะใช้ตอนไหนก็ได้แล้วแต่เราเลยค่ะ ดึกแค่ไหนก็ไม่หวั่น

ก็เดินขึ้นไปรูฟท็อป ชั้น 6 กันเลย ห้องทางซ้ายมือที่เห็นคือครัวนั้นเองค่ะ ตรงพื้นที่สีเขียวเป็นที่ตากผ้า  กว้างมาก ตากกันได้ทั้งหอเลย 



และนี่ก็เป็นส่วนครัวรวมค่ะ โดยที่นี่ก็บริการ รามยอน กิมจิ หัวไชเท้าดอง ข้าว และกาแฟ ตลอดเลยจ้า  กินกันเลยฟรีๆ เหมารวมถึงค่าเช่าด้วยเช่นกัน  พักโกชีวอนอะไรๆก็จะรวมไปหมดเลยค่ะ ดีงามตรงนี้ ใครจะนั่งข้าวตรงโต๊ะก็แล้วแต่เลยค่ะ แต่ว่าส่วนใหญ่ก็กลับไปกินที่ห้องตัวเองกันทั้งนั้น

ในส่วนของรูฟท็อปดาดฟ้าก็จะสามารถมองเห็นวิวยอนเซได้เลยค่ะ เพราะอยู่ติดถนน มีรถเมล์ผ่านเดินทางสะดวก และดีงามมากๆ  

แต่ยังมีข้อเสียนะคะถ้าอยู่ที่นี่ : เนื่องจากอยู่ติดถนนและติดยอนเซ ก็จะมีโรงพยาบาลของยอนเซอยู่ใช่มั้ย แต่จะได้ยินรถหวอดังบ่อยครั้ง จนชินเลยก็ว่าได้ 555555555555  และอาจจะได้ยินเสียงบีบแตรอีกด้วย แต่โดยรวมเราเป็นคนหลับง่าย เลยไม่ซีเรียสเรื่องนี้  

จบการรีวิวจ้า หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ :)

3/08/2561

การสอบทดสอบระดับก่อนเข้าเรียนที่ยอนเซ! + ปฐมนิเทศ


เกริ่นกันสักหน่อยจากบทความก่อนๆ หน้านี้ ว่าเราจะไปเรียนภาษาที่ยอนเซ ตอนสมัครเรียนเราก็เลือกทดสอบระดับภาษาก่อน ค่อยให้เขาจัดให้ไปในคอร์สที่เหมาะสมค่ะ โดยการสอบเขาก็จะแจ้งเรามาว่าสอบวันไหน เมื่อไหร่อะไรยังไง ทางเมลหลังจากการจ่ายเงินเรียบร้อยค่ะ 

พอถึงวันสอบก็เดินไปที่ตึกก่อนเวลาสักหน่อยค่ะ เพราะเขาจะให้เข้าไปในห้องรวมก่อน ถึงจะประกาศห้องที่ต้องใช้ในการสอบจริงๆ  โดยการสอบแบ่งออกเป็นสองประเภท คือสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์  ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงครึ่ง ห้องที่ใช้สอบมีคนประมาณ 10 คนค่ะ แซมก็แจกข้อสอบมาให้เขียนชื่อ และวันเกิด แล้วก็ลงมือทำค่ะ ระหว่างนั้นเขาจะก็เรียกไปสัมภาษณ์ทีละคนที่ห้องตรงข้าม



ว่าด้วยเรื่องข้อสอบ
ในส่วนของข้อสอบเขียนและกานั้น จะเริ่มตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงยากค่ะ ข้อสอบมีทั้งหมด 100 กว่าข้อ ให้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งในระหว่างนั้นก็จะถูกเรียกสัมภาษณ์แบบทยอยกันไปเดี่ยวๆ ข้อสอบเป็นแบบเลือกช็อยส์และก็ถามตอบเป็นประโยค ข้อแรกๆ สำหรับคนที่เรียนหรือมีพื้นฐานมาแล้ว ก็ง่ายมากเลยค่ะ แบบตอบได้อย่างไว พอหลังๆ เริ่มไต่ระดับความยากไปเรื่อยๆ จนต้องเกาหัว หลังกว่านั้นก็จ้ำจี้มะเขือเปาะแปะแล้วค่ะ เอาจริง คือมันเลเวลสูงมาก เจอไปถึงขั้นสบถว่า “อะไรวะ!!” บางอันแปลคำถามออกแต่อันที่เป็นคำตอบไม่รู้ศัพท์ คือมันยากมากสำหรับเรา คือที่ใครทำได้หมดก็ไม่ต้องมาเรียนแล้วอะ เทพแล้ว 555555 

ในส่วนของการสอบสัมภาษณ์นั้น .. เข้าไปก็ทักทายสวัสดีตามธรรมเนียม เขาก็พูดขึ้นด้วยภาษาเกาหลีเลยค่ะ แล้วคำถามก็แล้วแต่คนโดนค่ะ ไม่มีฟิคตายตัว อย่างของเราก็ถามประมาณว่า มาจากไหน ทำไมเรียนภาษาเกาหลี  มาอยู่นี่ครอบครัวไม่เป็นห่วงหรอ ? แล้วทำไมเขาต้องเป็นห่วง (เอ้าาาาแกร๊) แล้วเป็นห่วงเขาทำยังไงหรอ เรียนแล้วจะเอาไปทำอะไร บลาๆ ประมาณ 10 นาทีก็เสร็จค่ะ อันนี้ไม่ยาก เหมือนแบบเขาพยายามถามตอบไปเรื่อยๆ เราก็ตอบจนได้นั่นแหละ (ง่ายกว่าข้อเขียนอีกเว้ย)


พอสัมภาษณ์เสร็จเข้าไปทำข้อเขียนที่เหลือ ณ ตอนนั้นแหละ มั่วแหลก เพราะมันไม่ได้แล้วจริงๆ พอเสร็จก็ลุกออกมาไปหาข้าวกินที่โรงอาหารม.ยอนเซค่ะ ดีงามพระรามแปด ไว้มารีวิวอีกรอบนะ (ทวงได้ 5555)


ปฐมนิเทศนักเรียน

พอสองวันต่อมาก็ปฐมนิเทศค่ะ ไม่ได้ห่างกับวันสอบวัดระดับเท่าไหร่ และที่สำคัญ !!!! ที่บอร์ดนางมีประกาศผลสอบวันก่อนแล้วจ้า  !!!! มีความไล่ดูตั้งแต่เลเวลหนึ่ง ปรากฏว่าเลเวลนี้ไม่มี กรี้ดแตกกก แต่ไปอยู่เลเวลสองแทนค่ะ (ก็ยังดี ลดค่าเทอมค่าหนังสือไปตั้งเดือนหนึ่งค่ะ) เย้เย้ !

ในส่วนตอนปฐมนิเทศนั้น ไม่มีอะไรมาก เขามีหนังสือขั้นตอนต่างๆ ให้ไว้หน้าห้องและเข้าไปในห้องประชุม ซึ่งความจริงแล้วในห้องประชุมไม่มีอะไรเลยค่ะ (ไม่ต้องไปก็ย่อมได้) เขาแค่พูดซ้ำเหมือนในหนังสือ ซึ่งค่อนข้างน่าเบื่อระดับนึง  ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงก็แยกย้ายค่ะ ส่วนของเรานั้นไปซื้อหนังสือค่ะ ซึ่งหนังสือแพงมากเวอร์ ราคา 90,000 วอนตีค่าไทยแล้วเกือบๆ สามพันบาท ขอหนีไปร้องไห้แปป 


หากมีอะไรสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่อีเมล alljourneys.havesecret@gmail.com และช่องทางการติดต่อที่แท็บบล็อกด้านบนนะคะ






2/06/2561

8 วิธีเตรียมรับมือกับความหนาวที่เกาหลี รอดไม่รอดมาดูกัน!

 หนาวใจจะขาดแล้วเอ้ยยยย!  หนาวจนทนไม่ไหว หลายคนถามเข้ามาว่า "หนาวแบบนี้ต้องเตรียมตัวยังไงคะ?"  วันนี้ "ทุกการเดินทางมีความลับ"​จะมาบอกเคล็ดลับต้านความหนาว มาดูกันว่า แต่งตัวยังไงให้เอาอยู่  รอดไม่รอดดูกันเลย!

1.  ลองจอน /ฮีทเทค
ถ้ามันหนาวมากๆ ควรใส่ลองจอนค่ะ รับรองจะช่วยให้เราอุ่นขึ้นอย่างมากมาย บางคนสงสัยลองจอนและฮีทเทคคืออะไร ลองจอนคือชุดที่สวมใส่ไว้ด้านในสำหรับกันอากาศหนาว ซึ่งจะสวมใส่ไว้ด้านใน(รองจากชุดชั้นใน) ค่ะ ทำให้เราอุ่นขึ้นมาระดับนึง


2. ถุงมือและถุงเท้า
ส่วนที่จะทำให้หนาวสุดๆ คือมือและเท้าค่ะ เพราะเป็นอวัยวะที่ค่อนข้างบาง การใส่ถุงมือจะช่วยให้เราอุ่นขึ้นแน่นอน ส่วนถุงเท้าแนะนำให้เลือกถุงเท้าหนาๆ แบบที่เป็นบุขน เลยข้อเท้าขึ้นมานะคะ


3. เสื้อไหมพรม คอเต่า
อยากจะแฟชั่นหน่อยๆ ก็เลือกเสื้อด้านในที่ใส่หลังลอนจอนเลยค่ะ จะเป็นเสื้อไหมพรมแบบอุ่นมากๆ หรือจะเป็นเสื้อคอเต่าก็ได้ค่ะ แต่ถ้าอยากจะอุ่นมากเป็นพิเศษแนะนำให้ใส่เสื้อคอเต่าจ้า เพราะจะช่วยกันหนาวช่วงคอเราได้อีกด้วย


4. mask 
หนาวจนจมูกแดง เคยมั้ยแบบลมพัดที หนาวสะท้าน หน้าตึงกันเลยทีเดียว การใส่แมทซ์จะช่วยกันลมระหว่างช่วงจมูกและปากได้ค่ะ อารมณ์แบบจมูกไม่แดง ปากไม่แห้งอะไรแบบนี้ แต่ใส่เฉพาะตอนเดินเล่นอะไรงี้พอน้า ถ้าจะถ่ายรูปค่อยถอดออก เพื่อความสวยงามค่ะ 

5.  อุปกรณ์เสริม 
ไม่ว่าจะเป็นหมวกไหมพรม  ที่ปิดหู หรือผ้าพันคอ อันนี้แล้วแต่สะดวกกันเลยค่ะ แต่คนส่วนใหญ่ก็ขอแค่มีผ้าพันคอก็อุ่นแล้วค่ะ เพราะคอเป็นส่วนที่หนาวมากๆ อารมณ์ประมาณว่าถ้าคออุ่นเราก็อุ่นไปทั้งตัวเลย


6. hot pack 
อบอุ่นแบบมีพร้อพเสริมต้องฮอทแพคค่ะ ซึ่งฮอทแพคเแบ่งได้เป็นทั้งแบบทรายและแบบแผ่นๆ ถ้าจะให้ดีแนะนำให้ซื้อแบบที่ติดไว้ตรงเท้าด้วยนะคะ มันจะทำให้อุ่นมากๆ เพราะส่วนใหญ่คนจะหนาวเท้ากันมากกว่า อันนี้หาซื้อได้ตามร้านมินิมาร์ทเกาหลีค่ะ 

7. ถือแก้วกาแฟร้อน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นอกจากจะกิน และเป็นสิ่งสำคัญในการถ่ายรูปแอคอาร์ตๆ ได้แล้ว แก้วกาแฟร้อนเวลาถือนี่แหละจะช่วยให้เราหายหนาวได้ไปส่วนหนึ่ง ซึ่งใครที่ไปเกาหลีจะเห็นหลายคนถือแก้วกาแฟซะส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะคนโสด) เพราะถ้าคนมีคู่เขาก็จะเอามือซุกกระเป๋ากันและกันอะเนอะ 


8. แพดดิ้งกันหนาว 
คนเกาหลีนิยมใส่แพดดิ้งค่ะ ใครงงๆ ว่าแพดดิ้งคืออะไร คือชุดกันหนาวแบบกันลมด้วยค่ะ ที่ดูๆ แล้วคล้ายมิชลีน แต่เขาคอนเฟิร์มกันเลยว่า อุ่นมากๆ ใส่แล้ว



1/25/2561

Haedong Yonggungsa Temple วัดสวยริมทะเลปูซาน

วันนี้ "ทุกการเดินทางมีความลับ" จะพาไปเที่ยววัดค่ะ วัดที่ว่าไม่ใช่วัดที่น่าเบื่อเลย เพราะมีวิวธรรมชาติสวยงาม และเป็นแลนด์มาร์คที๋โด่งดังในการดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ปูซานอีกด้วยค่ะ เมื่อไปแล้วบอกเลยจะหลงเสน่ห์สุดๆ ซึ่งวัดนั้นได้แก่ Haedong Yonggungsa Temple นั่นเอง 
ก่อนที่เราจะเดินไปถึงวัดจะต้องผ่านถ้ำและบันไดหลากหลายขั้นเพื่อนำไปสู่ความสวยงามทางสายตา วัดนี้เป็นวัดที่โดดเด่นมาก ๆ ทางพระพุทธศาสนา และมีสถาปัตยกรรมที่งามเลิศค่ะ



มีหลายมุมให้แชะภาพสวยๆ กันเลยค่ะ สำหรับคนจะเข้าไปสักการะ  จะบอกว่ามาที่นี่ทัวร์คนไทยก็เยอะมากเช่นกันนะคะ 
แต่ถ้าหากใครอยากดูความงามแบบเต็มตาเห็นแบบรวบหมด ที่นี่ก็จะมีทางให้เดินมายังอีกฝั่งนึงเพื่อไปเก็บภาพสวยๆ จากไกลตาแต่จะบอกว่า มุมนี้แหละคือไฮไลท์สุดๆ 


เนื่องจากวัดอยู่ริมทะเล มีเทือกเขาปะปราย เลยทำให้มีเสน่ห์ยิ่งเข้าไปอีก  หากใครที่อยากเดินทางมาสามารถขึ้น KTX จากสถานี Seoul ลงที่สถานี Busan ต่อด้วย ขึ้นรถเมล์สาย 1003 (สีแดง) -> Yeongnam apartmenและต่อรถเมล์สาย 100 (สีเขียว) -> ลงสถานี Yonggungsa National Fisheries College  เดินเข้าไปจนถึงวัด Haedong  (มีป้ายบอกค่ะ)

1/23/2561

โหลดธีมน่ารักฟรี จาก kakaotalk แอพแชทเกาหลี!

 
บทความนี้ "แด่ความมุ้งมิ้งในโทรศัพท์ของเรา" แอร้ยย บทความนี้เราจะมาบอกต่อถึงของฟรีค่ะ! มีใครบ้างว่าพอพูดของฟรีแล้วจะไม่ชอบ จริงมั้ย ของฟรีที่เราว่าคืออะไร ? ของฟรีที่เราจะมาชี้เป้าวันนี้คือ "ธีมฟรีในแอพ kakaotalk! นั่นเอง


นั่นไงแล้วก็ต้องมีคนถามต่ออีกว่าแอพ kakaotalk คืออะไร ? แอพนี้คือแอพคุยแชทคล้ายๆ ไลน์นี่แหละค่ะ แต่ต้นกำเนิดของแอพนี้มาจากเกาหลี และคนเกาหลีทุกคนเล่นกันหมดค่ะ (แทนไลน์) แต่มันความคิวท์ตรงที่ คุณลักษณะพิเศษของเจ้าแอพตัวนี้ มีเสียงเรียกเข้าดัง "คาทก" จะบอกว่าแบ๊วเวอร์


แอพที่ว่าคือเจ้าตัวนี้ค่ะ ที่จะทำให้คาทกของเรามีธีมที่น่ารักสดใส สามารถดาวโหลดได้ที่ PLAY store 
เสริชคำว่า "폰테마샵" นะคะ แล้วก็โหลดมาค่ะ 

 แอพนี้นอกจากจะมีธีม kakaotalk แล้วยังมีธีมของโทรศัพท์ วอลโฟน บลาๆ อีกด้วยค่ะจะบอกว่าน่ารักทั้งนั้น แถมยังสไตล์เกาหลีกันแบบสุดๆ




 เมื่อเข้ามาที่หน้าแอพจะเจอหน้านี้เป็นอันแรกค่ะ ใครอยากเปลี่ยนธีม เปลี่ยนรูปแบบอะไรในโทรศัพท์ก็เลือกตามหมวดหมู่เลยค่ะ แต่ถ้าใครอยากได้ "ธีมkakaotalk" คลิกในวงกลมสีชมพูได้เลยจ้า
และก็เลือกหมวดหมู่ที่ด้านล่างเลยค่ะ คลิกที่ kakaotalk จะเจอกับธีมมากมายล้านแปด ทั้งแบบแบ๊ว แนว เท่ และโดนใจสายติ่ง!


ดูเอานะคะ ว่ามันน่ารักแค่ไหน บอกเลยว่าของมันต้องมี ชอบแบบไหนก็คลิกไปที่อันนั้นเลยค่ะ

เสร็จแล้วก็คลิกดาวน์โหลดเลยค่ะ มันจะขึ้นมาว่า basic theme หรือ HD theme บางอันเฉพาะสมาชิกวีไอพีค่ะ ก็คลิกดาวโหลด HD THEME ได้เลย มันก็จะมีให้ไปโหลดอีกแอพนึงก่อน ก็โหลดมาค่ะ หลังจากนั้นจะสามารถดาวโหลดได้ทุกอันแบบ HD เลยจ้า ง่ายมากก เมื่อดาวโหลดติดตั้งเสร็จเรียบร้อย ก็ apply หรือไปเปลี่ยนธีมในแอพ kakaotalk ได้เลย มันจะขึ้นมาให้


ได้ธีมน้องคังมาแล้ว เสร็จเรียบร้อยจ้า แล้วแต่ชอบเลยย แต่มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย เลือกไม่ถูกเลยค่ะ