วันนี้ "ทุกการเดินทางมีความลับ" จะพาไปเที่ยววัดค่ะ วัดที่ว่าไม่ใช่วัดที่น่าเบื่อเลย เพราะมีวิวธรรมชาติสวยงาม และเป็นแลนด์มาร์คที๋โด่งดังในการดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ปูซานอีกด้วยค่ะ เมื่อไปแล้วบอกเลยจะหลงเสน่ห์สุดๆ ซึ่งวัดนั้นได้แก่ Haedong Yonggungsa Temple นั่นเอง
ก่อนที่เราจะเดินไปถึงวัดจะต้องผ่านถ้ำและบันไดหลากหลายขั้นเพื่อนำไปสู่ความสวยงามทางสายตา วัดนี้เป็นวัดที่โดดเด่นมาก ๆ ทางพระพุทธศาสนา และมีสถาปัตยกรรมที่งามเลิศค่ะ
มีหลายมุมให้แชะภาพสวยๆ กันเลยค่ะ สำหรับคนจะเข้าไปสักการะ จะบอกว่ามาที่นี่ทัวร์คนไทยก็เยอะมากเช่นกันนะคะ
แต่ถ้าหากใครอยากดูความงามแบบเต็มตาเห็นแบบรวบหมด ที่นี่ก็จะมีทางให้เดินมายังอีกฝั่งนึงเพื่อไปเก็บภาพสวยๆ จากไกลตาแต่จะบอกว่า มุมนี้แหละคือไฮไลท์สุดๆ
เนื่องจากวัดอยู่ริมทะเล มีเทือกเขาปะปราย เลยทำให้มีเสน่ห์ยิ่งเข้าไปอีก หากใครที่อยากเดินทางมาสามารถขึ้น KTX จากสถานี Seoul ลงที่สถานี Busan ต่อด้วย ขึ้นรถเมล์สาย 1003 (สีแดง) -> Yeongnam apartmenและต่อรถเมล์สาย 100 (สีเขียว) -> ลงสถานี Yonggungsa National Fisheries College เดินเข้าไปจนถึงวัด Haedong (มีป้ายบอกค่ะ)
all journeys have secret | ทุกการเดินทางมีความลับ | รีวิวและแนะนำที่เที่ยว ที่กิน ตามสไตล์
1/25/2561
1/23/2561
โหลดธีมน่ารักฟรี จาก kakaotalk แอพแชทเกาหลี!
บทความนี้ "แด่ความมุ้งมิ้งในโทรศัพท์ของเรา" แอร้ยย บทความนี้เราจะมาบอกต่อถึงของฟรีค่ะ! มีใครบ้างว่าพอพูดของฟรีแล้วจะไม่ชอบ จริงมั้ย ของฟรีที่เราว่าคืออะไร ? ของฟรีที่เราจะมาชี้เป้าวันนี้คือ "ธีมฟรีในแอพ kakaotalk! นั่นเอง
นั่นไงแล้วก็ต้องมีคนถามต่ออีกว่าแอพ kakaotalk คืออะไร ? แอพนี้คือแอพคุยแชทคล้ายๆ ไลน์นี่แหละค่ะ แต่ต้นกำเนิดของแอพนี้มาจากเกาหลี และคนเกาหลีทุกคนเล่นกันหมดค่ะ (แทนไลน์) แต่มันความคิวท์ตรงที่ คุณลักษณะพิเศษของเจ้าแอพตัวนี้ มีเสียงเรียกเข้าดัง "คาทก" จะบอกว่าแบ๊วเวอร์
แอพนี้นอกจากจะมีธีม kakaotalk แล้วยังมีธีมของโทรศัพท์ วอลโฟน บลาๆ อีกด้วยค่ะจะบอกว่าน่ารักทั้งนั้น แถมยังสไตล์เกาหลีกันแบบสุดๆ
เมื่อเข้ามาที่หน้าแอพจะเจอหน้านี้เป็นอันแรกค่ะ ใครอยากเปลี่ยนธีม เปลี่ยนรูปแบบอะไรในโทรศัพท์ก็เลือกตามหมวดหมู่เลยค่ะ แต่ถ้าใครอยากได้ "ธีมkakaotalk" คลิกในวงกลมสีชมพูได้เลยจ้า
และก็เลือกหมวดหมู่ที่ด้านล่างเลยค่ะ คลิกที่ kakaotalk จะเจอกับธีมมากมายล้านแปด ทั้งแบบแบ๊ว แนว เท่ และโดนใจสายติ่ง!
ดูเอานะคะ ว่ามันน่ารักแค่ไหน บอกเลยว่าของมันต้องมี ชอบแบบไหนก็คลิกไปที่อันนั้นเลยค่ะ
เสร็จแล้วก็คลิกดาวน์โหลดเลยค่ะ มันจะขึ้นมาว่า basic theme หรือ HD theme บางอันเฉพาะสมาชิกวีไอพีค่ะ ก็คลิกดาวโหลด HD THEME ได้เลย มันก็จะมีให้ไปโหลดอีกแอพนึงก่อน ก็โหลดมาค่ะ หลังจากนั้นจะสามารถดาวโหลดได้ทุกอันแบบ HD เลยจ้า ง่ายมากก เมื่อดาวโหลดติดตั้งเสร็จเรียบร้อย ก็ apply หรือไปเปลี่ยนธีมในแอพ kakaotalk ได้เลย มันจะขึ้นมาให้
ได้ธีมน้องคังมาแล้ว เสร็จเรียบร้อยจ้า แล้วแต่ชอบเลยย แต่มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย เลือกไม่ถูกเลยค่ะ
นั่นไงแล้วก็ต้องมีคนถามต่ออีกว่าแอพ kakaotalk คืออะไร ? แอพนี้คือแอพคุยแชทคล้ายๆ ไลน์นี่แหละค่ะ แต่ต้นกำเนิดของแอพนี้มาจากเกาหลี และคนเกาหลีทุกคนเล่นกันหมดค่ะ (แทนไลน์) แต่มันความคิวท์ตรงที่ คุณลักษณะพิเศษของเจ้าแอพตัวนี้ มีเสียงเรียกเข้าดัง "คาทก" จะบอกว่าแบ๊วเวอร์
แอพที่ว่าคือเจ้าตัวนี้ค่ะ ที่จะทำให้คาทกของเรามีธีมที่น่ารักสดใส สามารถดาวโหลดได้ที่ PLAY store
เสริชคำว่า "폰테마샵" นะคะ แล้วก็โหลดมาค่ะ
เมื่อเข้ามาที่หน้าแอพจะเจอหน้านี้เป็นอันแรกค่ะ ใครอยากเปลี่ยนธีม เปลี่ยนรูปแบบอะไรในโทรศัพท์ก็เลือกตามหมวดหมู่เลยค่ะ แต่ถ้าใครอยากได้ "ธีมkakaotalk" คลิกในวงกลมสีชมพูได้เลยจ้า
และก็เลือกหมวดหมู่ที่ด้านล่างเลยค่ะ คลิกที่ kakaotalk จะเจอกับธีมมากมายล้านแปด ทั้งแบบแบ๊ว แนว เท่ และโดนใจสายติ่ง!
ดูเอานะคะ ว่ามันน่ารักแค่ไหน บอกเลยว่าของมันต้องมี ชอบแบบไหนก็คลิกไปที่อันนั้นเลยค่ะ
1/19/2561
การเตรียมตัวก่อนไปเกาหลีครั้งแรก (ด้วยตัวเอง)
ไปเกาหลีครั้งแรก .. จะทำยังไงดี? ต้องเตรียมตัวอะไรบ้างคะ ? ช่วยแนะนำหน่อย
ต้องบอกว่านี้เป็นคำถามยอดฮิตที่เราเจอบ่อยพอสมควรเลยค่ะ วันนี้เราเลยจะมาแนะนำสำหรับคนที่ไปเกาหลีครั้งแรก ว่าจะต้องทำตัวยังไง เริ่มต้นอย่างไร เตรียมตัวอะไรบ้าง อธิบายให้ฟังแบบละเอียด ทั้งเรื่องที่พัก งบประมาณ การปฏิบัติตัวต่างๆ นานา ไปดูกันเลย
เริ่มต้นยังไง
เริ่มต้นอย่างไรนั้นไม่ยากเลยค่ะ ถามจุดประสงค์ของการไปครั้งนี้ของเราก่อนดีกว่า ว่าเราอยากไปทำอะไร แค่เที่ยวชมบ้านเมืองและช้อปสินค้ากลับมาบ้านเฉยๆ หรือ ตั้งใจไปแบบรวบเดียวและติ่งด้วย อยากไปตามรอยนู่นนั่นนี้ เพราะถ้าได้รับคำตอบแล้ว อยากไปแค่ชมบ้านเมือง ดูโลเคชั่นแบบเกาหลีเราแนะนำให้ไปกับทัวร์ค่ะ เพราะจะได้เก็บทุกอย่างได้อย่างเต็มที่ สบาย และงบประมาณไม่บานปลายอีกด้วย เอาล่ะ เราจะมาแนะนำให้แบบง่ายๆเลยนะ แต่สำหรับคนที่ไปด้วยตัวเอง เพราะเรามั่นใจว่าส่วนใหญ่คนที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้ก็อยากไปเกาหลีด้วยตัวเองกันทั้งนั้น
ค้นหาข้อมูลเยอะๆ
เมื่อเรารู้จุดประสงค์ของเราแล้ว ว่าจะไปทำอะไร ถึงขั้นตอนที่จะต้องค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ ที่กิน ที่พัก อยากจะไปพักย่านไหน เสริชหาข้อมูลที่เขาแนะนำสถานทีท่องเที่ยวไว้ วิธิการเดินทาง ลิสต์ไว้ให้หมดค่ะ จะได้ตามเก็บได้
วางแพลนเที่ยว
การวางแพลนเที่ยวนะคะ เราแนะนำว่า นำข้อมูลที่เราอยากไปแล้วลิสต์วิธีการเดินทางไว้แล้ว มาเรียงเป็นวันเลยค่ะ ทริคของเราก็คือ ที่ไหนอยู่ใกล้กัน ย่านเดียวกันจะจัดให้ไปวันเดียวกันเลยค่ะ ที่รวมทั้งที่เที่ยวร้านอาหาร เราจะเก็บให้หมดค่ะ (แต่แพลนวันอย่าให้แน่นมากค่ะ เพราะเอาเข้าจริงๆ มันจะเก็บไม่หมด เราถ่ายรูปแต่ละจุดนานมาก เผื่อเวลาเดินงงๆ เวลาเปื่อยๆ อีก)
ต้องใช้เงินเท่าไหร่
คำถามยอดฮิตมาก! ขอลิสต์เป็นข้อย่อยลงไปอีกนะคะ เกี่ยวกับการใช้เงิน
ค่าตั๋วเครื่องบิน : อยากได้ตั๋วถูก ให้จองข้ามปี และสายการบิน โลว์คอส เช่น แอร์เอเชีย แต่บอกไว้ก่อนว่า สายการบินนี้ไม่รวมนำ้หนักกระเป๋านะคะ ต้องเสียเงินเพิ่ม อยากไปแบบสบายให้ไปสายการบินฟูลเซอร์วิส มีข้าวกินบนเครื่อง บริการดีมาก รวมน้ำหนักกระเป๋า ราคาตั๋วอยู่ที่ 13000-18000 นะคะ ถ้าเป็นช่วงโปรโมชั่น
ค่าที่พัก : ที่พักนี่แล้วแต่คนจริงๆ เลยค่ะ จะพักหรูห้องพักสวยๆ หรือพักแบบไว้ซุกหัวนอนแค่นั้นพอ ตอนเราไปเราเน้นซุกหัวนอนค่ะ 5555เอาแบบนอนได้ ห้องน้ำในตัวก็พอ ตีราคาอยู่ที่ 500-600 บาทต่อคืนค่ะ
ค่ากินเที่ยว : หายนะจะบานปลายก็ตรงนี้ละค่า กินจัดหนักก็เสียเยอะ แต่ราคากินต่ำสุดในร้านอาหารอยู่ที่ประมาณ 5000 วอน (150บาท) ในเรื่องของกินถ้าไปเยอะก็หารเยอะเหลือคนละไม่เท่าไหร่เองค่ะ เพราะของกินเขาเน้นจานใหญ่ ให้เยอะ และอร่อยถูกปาก! แต่ถ้าใครอยากประหยัดแนะนำมินิมาร์ทค่ะ อิ่มเหมือนกัน และไม่แพงด้วย ส่วนเรื่องช้อปแล้วแต่ที่ตั้งใจไว้เลยค่ะ หมายเหตุตรงนี้เลยว่า : กิเลสจะหนามาก อยากซื้อไปหมด โดยเฉพาะแฟชั่นและเครื่องสำอาง หมดตัวค่ะหมดตัว!
ค่าติ่ง : ถ้าค่าติ่งหมายถึงการไปดูคอนเสิร์ต ก็แล้วแต่บัตรคอนค่ะ แต่ถ้าไปตามหน้ารายการเพลงต่างๆ ฟรีเด้ออออ
ค่าทุกอย่างของเราแบบไม่ได้ประหยัดอะไรเลย เอาไป 25000บาท ก็เหลือกลับบ้านค่ะ 5555 (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินอย่างเดียว)
พักที่ไหนดี
ถ้าถามว่าพักที่ไหน แล้วแต่ชอบเลยค่ะ คนส่วนใหญ่ที่ไปพักคือแถว มยองดง อินซาดง อีแทวอน เพราะสะดวกต่อการเดินทาง เป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยว แหล่งช้อปปิ้ง
แต่ถ้าจะวัยรุ่นหน่อยๆ แนะนำให้พักย่านฮงแดค่ะ เป็นย่านวัยรุ่น ที้กินที่ช้อปเกี่ยวกับเสื้อผ้าวัยรุ่น เทรนด์แฟชั่นเพียบ (แอบเป็นดงคนหล่อด้วยค่ะ มีดนตรีและวัยรุ่นมาทำกิจกรรมตอนกลางคืน )
การหาที่พักสามารถหาได้ตามเว็บค่ะ เราแนะนำ 2 เว็บแล้วกันเนอะ เป็นเว็บ : booking.com และ airbnb จ้า
เมื่อตัดสินใจทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราจะมาบอกสิ่งที่ต้องคำนึง ต้องนึกถึงก่อนเดินทางไปเกาหลี และเมื่ออยู่ที่เกาหลีแล้วกันนะคะ ง่ายๆ สั้นๆ แต่สำคัญกับการเดินทางครั้งนี้มากๆค่ะ
เวลากับตั๋วเครื่องบิน
ไม่ใช่เวลากับใจคนนะคะ 5555555 อันนี้มีหลายเคสพลาดกันแรงมาก เพราะตั๋วเครื่องบินเวลาเดินทางไปเกาหลีส่วนมาก จะคาบเส้นคาบดอกอยู่ระหว่างสองวันค่ะ แนะนำให้ดูให้ดีค่ะ เราจะสมมติให้ง่ายๆเลยนะคะ สมมติ เราเดินทางวันที่ 3 มีนาคม เวลา 01.25 น. ให้เรานับตามเวลาสากลค่ะ อย่าลืมว่าพอถึงเที่ยงคืนแล้วจะเปลี่ยนเป็นอีกวันค่ะ ตามที่เราบอกเมื่อกสักครู่หมายความว่า เราต้องไปถึงสนามบินวันที่ 2 มีนาคม ตอนกลางคืนนะคะ เพราะไฟล์ทเราคือตีหนึ่งวันที่ 3 มีนาค่ะ เครื่องจะ departure ตอนตีหนึ่งวันที่ 3 นะคะ หลายคนตกไฟล์ทไปแล้วก็มีค่ะ
ฤดูที่แตกต่าง
แน่นอนค่ะ ว่าแต่ละประเทศภูมิอากาศไม่เหมือนกัน ตอนประเทศเราร้อนอยู่ เขาอาจจะหนาวสุดขั้ว ขอให้คำนึงไว้เสมอว่า เราไปที่เกาหลีตอนฤดูไหน ให้เตรียมเสื้อผ้าไปให้พร้อมรับมือกับอากาศ ณ ช่วงเวลานั้นๆ เกาหลีแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ฤดูคือ ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคมถึงพฤษภาคม) ฤดูร้อน (มิถุนายนถึงสิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงพฤศจิกายน) และฤดูหนาว (ธันวาคมถึงกุมพาพันธ์) เตรียมตัวให้พร้อมกับเสื้อผ้าค่ะ ขอย้ำว่า ฤดูหนาวเกาหลีนิยมใส่สีทึบๆ นะคะ ดำเทาขาว น้ำตาลในโทนนี้ค่ะ
บัตร T-Money
การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเกาหลี ไม่ว่าจะรถเมล์ รถบัส รถไฟฟ้า แท็กซี่ ต้องใช้บัตรทีมันนี่ถึงจะสะดวกที่สุดค่ะ วิธีใช้เหมือนตอนเราเติมบัตรแรบบิทบ้านเรานี่ล่ะค่ะ เติมเงินแล้วติ๊ด อีกทั้งยังสามารถใช้ติ๊กบัตรที่มาร์ท เซเว่นของเกาหลีได้อีกด้วยค่ะ สะดวกสบายสุดๆ การซื้อสามารถซื้อที่มินิมาร์ทและเจ้าหน้าที่ประจำรถไฟฟ้าใต้ดินได้เลยค่ะ
เตรียมรับมือกับตม.เกาหลี
เสียงลือเสียงเล่าอ้างกันสุดๆ ค่ะ เพราะฉะนั้นใครจะเดินทางไปเกาหลีครั้งแรก ก็จะตื่นเต้นกับตม.หน่อยๆ เพราะฉะนั้นเตรียมเอกสารให้พร้อมนะคะ สามารถไปอ่านบทความ การเตรียมรับมือกับตม.เกาหลีและเทคนิคการผ่านตม.เกาหลีได้เลยค่ะ
อะไรเอ่ยไม่เข้าพวก
สำหรับความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่เกาหลีกับประเทศไทยแน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้วค่ะ เช่นที่เกาหลี ไม่ใช้ส้อม แต่เน้นการใช้ตะเกียบ ที่เกาหลีไม่ค่อยกินน้ำแข็ง ที่เกาหลีห้ามนั่งที่นั่งคนท้อง ในส่วนนี้แนะนำให้ไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเกาหลีให้ดีนะคะ
สกุลเงิน ,แลกเงิน
แนะนำให้แลกเงินจากไทยไปนะคะ โดยตีมูลค่าเงินคร่าวๆ 1000 วอน = 30 บาท ทำนองนี้ สามารถแลกเงินได้ทุกธนาคารที่รับแลกเป็นเงินวอน ถ้าจะให้ถูกๆ แนะนำ superich ค่ะ สีอะไรก็ได้
ระบบขนส่ง
ส่วนใหญ่คนเกาหลีใช้วิธีการนั่งรถไฟฟ้าค่ะ แล้วเดินต่อเอา จะบอกว่าเขาเดินกันโหดมาก เป็นโลๆ ก็เดินมาแล้ว หรือหากใครจะนั่งรถเมล์อันนี้ขอแนะนำสำหรับคนที่ได้ภาษากเกาหลีค่ะ เพราะจะเสริชผ่านแอพฯ ว่ารถเมล์สายไหนไปตรงไหน ในส่วนของการใช้รถเมล์จะถูกกว่าและก็จะใกล้กว่า( ทำให้เดินน้อยกว่าค่ะ)
เมืองที่ไม่เคยหลับใหล
ขอเรียนให้ท่านทราบว่า เมืองนี้เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหลค่ะ เที่ยงคืนตีหนึ่งตีสองเขายังเที่ยวกันอยู่เลย เรื่องความปลอดภัย เรามั่นใจว่าที่นู่นปลอดภัยกว่าประเทศไทยแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นแหล่งช้อปแหล่งวัยรุ่น จะคึกคักมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะตอนกลางคืน
การใช้ภาษา
ถ้าไม่ได้ภาษาเกาหลี ต้องทำใจนิดนึงนะคะ เพราะคนเกาหลีส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษ แต่เราจะเข้าใจไปเองโดยปริยายด้วยภาษามือค่ะ 5555แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ บางครั้งในร้านอาหารมีรูปให้ดู และก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยจริงๆ ค่ะ ปล. อย่าถามทางคนเกาหลีนะคะ เพราะส่วนใหญ่เขาไม่รู้ค่ะปกติเขาใช้ชีวิตอยู่กับเนวิเกเตอร์ตลอดเวลา บางครั้งเรายังโดนคนเกาหลีถามทางซะเอง #เห้ยแบบนี้ก็ได้หรอ
ห้องน้ำในเกาหลี
บอกไว้ก่อนเลยว่า "อย่าถามหาที่ฉีดก้น"แบบบ้านเรา เพราะไม่มีค่ะ!! ในเรื่องของความสะอาดรับประกันได้พอๆ กับบ้านเราเลยค่ะ ข้อแนะนำคือ หากห้องน้ำไหนที่ปิดฝาชักโครกไว้ แสดงว่าห้องน้ำนั้นสะอาดค่ะ (งงอ่าดิ) แต่เป็นแบบนั้นจริงๆ ค่ะ เหมือนยังไม่ผ่านการใช้หลังจากที่แม่บ้านทำความสะอาดอะไรทำนองนี้ แต่เพื่อความชัวร์ไม่เจอแจ็คพ็อต กดชักโครกก่อนใช้หนึ่งครั้งนะคะ อีกอย่างคือ เดี๋ยวนี้ห้องน้ำเกาหลีส่วนใหญ่สามารถทิ้งทิชชู่ลงไปในชักโครกได้เลยค่ะ ถ้าบางที่ไม่มีถังขยะในห้องน้ำแสดงว่าใส่ทิชชู่ลงไปในชักโครกได้เลยเน้ออ เพราะเขาเป็นนวัตกรรมใหม่ ย่อยสลายได้
อินเทอร์เน็ต
ในส่วนของอินเทอร์เน็ตที่เกาหลีร้านอาหารส่วนใหญ่เป็น wifi ฟรีค่ะ เล่นได้เพลินๆ เลย แต่แนะนำว่าถ้าคนติดโซเชียลให้ซื้อแพ็คเกจที่สนามบินค่ะ จองจากไทยไปโลด หรือถ้าใครไม่ซีเรียสมากแนะนำให้ซื้อซิมไทยที่เปิดบริการที่เกาหลีเป็นแพ็คเกจ เช่น sim2fry
บัตร T-Money
การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเกาหลี ไม่ว่าจะรถเมล์ รถบัส รถไฟฟ้า แท็กซี่ ต้องใช้บัตรทีมันนี่ถึงจะสะดวกที่สุดค่ะ วิธีใช้เหมือนตอนเราเติมบัตรแรบบิทบ้านเรานี่ล่ะค่ะ เติมเงินแล้วติ๊ด อีกทั้งยังสามารถใช้ติ๊กบัตรที่มาร์ท เซเว่นของเกาหลีได้อีกด้วยค่ะ สะดวกสบายสุดๆ การซื้อสามารถซื้อที่มินิมาร์ทและเจ้าหน้าที่ประจำรถไฟฟ้าใต้ดินได้เลยค่ะ
การใช้บัตรทีมันนี่บนรถเมล์ เดินเข้าประตูหน้าติ๊กบัตร 1 ครั้ง ตอนจะลง ติ๊กบัตรอีกครั้งนึงที่ประตูท้ายนะคะ
เตรียมรับมือกับตม.เกาหลี
เสียงลือเสียงเล่าอ้างกันสุดๆ ค่ะ เพราะฉะนั้นใครจะเดินทางไปเกาหลีครั้งแรก ก็จะตื่นเต้นกับตม.หน่อยๆ เพราะฉะนั้นเตรียมเอกสารให้พร้อมนะคะ สามารถไปอ่านบทความ การเตรียมรับมือกับตม.เกาหลีและเทคนิคการผ่านตม.เกาหลีได้เลยค่ะ
อะไรเอ่ยไม่เข้าพวก
สำหรับความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่เกาหลีกับประเทศไทยแน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้วค่ะ เช่นที่เกาหลี ไม่ใช้ส้อม แต่เน้นการใช้ตะเกียบ ที่เกาหลีไม่ค่อยกินน้ำแข็ง ที่เกาหลีห้ามนั่งที่นั่งคนท้อง ในส่วนนี้แนะนำให้ไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเกาหลีให้ดีนะคะ
สกุลเงิน ,แลกเงิน
แนะนำให้แลกเงินจากไทยไปนะคะ โดยตีมูลค่าเงินคร่าวๆ 1000 วอน = 30 บาท ทำนองนี้ สามารถแลกเงินได้ทุกธนาคารที่รับแลกเป็นเงินวอน ถ้าจะให้ถูกๆ แนะนำ superich ค่ะ สีอะไรก็ได้
ระบบขนส่ง
ส่วนใหญ่คนเกาหลีใช้วิธีการนั่งรถไฟฟ้าค่ะ แล้วเดินต่อเอา จะบอกว่าเขาเดินกันโหดมาก เป็นโลๆ ก็เดินมาแล้ว หรือหากใครจะนั่งรถเมล์อันนี้ขอแนะนำสำหรับคนที่ได้ภาษากเกาหลีค่ะ เพราะจะเสริชผ่านแอพฯ ว่ารถเมล์สายไหนไปตรงไหน ในส่วนของการใช้รถเมล์จะถูกกว่าและก็จะใกล้กว่า( ทำให้เดินน้อยกว่าค่ะ)
เมืองที่ไม่เคยหลับใหล
ขอเรียนให้ท่านทราบว่า เมืองนี้เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหลค่ะ เที่ยงคืนตีหนึ่งตีสองเขายังเที่ยวกันอยู่เลย เรื่องความปลอดภัย เรามั่นใจว่าที่นู่นปลอดภัยกว่าประเทศไทยแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นแหล่งช้อปแหล่งวัยรุ่น จะคึกคักมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะตอนกลางคืน
การใช้ภาษา
ถ้าไม่ได้ภาษาเกาหลี ต้องทำใจนิดนึงนะคะ เพราะคนเกาหลีส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษ แต่เราจะเข้าใจไปเองโดยปริยายด้วยภาษามือค่ะ 5555แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ บางครั้งในร้านอาหารมีรูปให้ดู และก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยจริงๆ ค่ะ ปล. อย่าถามทางคนเกาหลีนะคะ เพราะส่วนใหญ่เขาไม่รู้ค่ะปกติเขาใช้ชีวิตอยู่กับเนวิเกเตอร์ตลอดเวลา บางครั้งเรายังโดนคนเกาหลีถามทางซะเอง #เห้ยแบบนี้ก็ได้หรอ
ห้องน้ำในเกาหลี
บอกไว้ก่อนเลยว่า "อย่าถามหาที่ฉีดก้น"แบบบ้านเรา เพราะไม่มีค่ะ!! ในเรื่องของความสะอาดรับประกันได้พอๆ กับบ้านเราเลยค่ะ ข้อแนะนำคือ หากห้องน้ำไหนที่ปิดฝาชักโครกไว้ แสดงว่าห้องน้ำนั้นสะอาดค่ะ (งงอ่าดิ) แต่เป็นแบบนั้นจริงๆ ค่ะ เหมือนยังไม่ผ่านการใช้หลังจากที่แม่บ้านทำความสะอาดอะไรทำนองนี้ แต่เพื่อความชัวร์ไม่เจอแจ็คพ็อต กดชักโครกก่อนใช้หนึ่งครั้งนะคะ อีกอย่างคือ เดี๋ยวนี้ห้องน้ำเกาหลีส่วนใหญ่สามารถทิ้งทิชชู่ลงไปในชักโครกได้เลยค่ะ ถ้าบางที่ไม่มีถังขยะในห้องน้ำแสดงว่าใส่ทิชชู่ลงไปในชักโครกได้เลยเน้ออ เพราะเขาเป็นนวัตกรรมใหม่ ย่อยสลายได้
อินเทอร์เน็ต
ในส่วนของอินเทอร์เน็ตที่เกาหลีร้านอาหารส่วนใหญ่เป็น wifi ฟรีค่ะ เล่นได้เพลินๆ เลย แต่แนะนำว่าถ้าคนติดโซเชียลให้ซื้อแพ็คเกจที่สนามบินค่ะ จองจากไทยไปโลด หรือถ้าใครไม่ซีเรียสมากแนะนำให้ซื้อซิมไทยที่เปิดบริการที่เกาหลีเป็นแพ็คเกจ เช่น sim2fry
หวังว่าจะเป็นประโยชน์และความรู้ใหม่ๆ แก่คนที่สนใจนะคะ หากใครมีข้อสงสัยถามได้เลยค่ะ
1/17/2561
Yangpyeong Rail Bike ปั่นเรย์ไบท์ชมธรรมชาติ นอกเมือง!
ไปเที่ยวนอกเมืองกันจ้า แต่นอกเมืองที่ว่านี่อยู่ไม่ไกลจากโซลมากเท่าไหร่นะคะ เดินทางง่ายๆ สะดวก ที่เราพูดถึงคือ "Yangpyeong Rail Bike" ที่ปั่นจักรยานเรย์ไบท์บนรางรถไฟเก่านั่นเอง
ระหว่างทางเดินก็จะเป็นเนินๆ ให้เหนื่อยและหนาวกันสุดๆ โดยสามารถซื้อตั๋วได้ที่นี่ค่ะ ค่าเช่ารถก็มีด้วยกันหลายราคาขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปเรย์ไบท์ไซส์ไหน เริ่มตั้งแต่รถรางสำหรับครอบครัว (สำหรับ 4 ท่าน) ราคา 29,000 วอน ,รถรางคู่ (สำหรับ 2 ท่าน): 20,000 วอน ,รถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (สำหรับ 2 ท่าน): 30,000 วอน ความแตกต่างระหว่างรถรางปกติกับรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าคือ ถ้าเป็นรถปกติจะเป็นให้ปั่นแบบจักรยานค่ะ ทำนองว่าร่วมกันปั่น เราใช้รถสำหรับ 4 คนค่ะตอนนั้นไปกับพี่ชายด้วย ก็เลยจัดไป
โดยที่นี่เขาก็บริการเป็นรอบๆ ค่ะ ในช่วง มีนาคม - ตุลาคม: 09: 00-21: 00 (ช่วง 1 ชั่วโมง, 30 นาที / 9 รอบ) และช่วงพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์: 09: 00-18: 00 (ช่วง 1 ชั่วโมง, 30 นาทีทำงาน 7 ครั้งต่อวัน)
ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย! จะบอกว่าตอนแรกก็คึกๆหน่อย แหมปั่นยิก ปั่นแบบไม่กลัวเหนื่อย พอหลังๆ ขาเริ่มอ่อนแรงค่ะ ก็จะต้องชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ (ไม่ใช่อะไร มันเหนื่อยมันหนาวมันมือชาไปหมด ) เป็นความสนุกที่ทรมานดีๆ นั่นเอง
เห็นได้จากตอนแรกขับกันไปแบบรวมๆ กัน พอตอนหลังเริ่มจะทิ้งห่างกันแล้วค่ะ 55555555 เก็บบรรยากาศรอบข้างไปเรื่อยๆ
จากรูปจะเห็นเลยค่ะ ว่าเริ่มทิ้งห่างไปเรื่อยๆ ความสนุกของเราคือปล่อยให้พี่ชายและเพื่อนพี่มันปั่นไปค่ะ เราก็ขอยกขาขึ้นแล้วถ่ายรูปเล่นแล้วกันนะ
เริ่มตามทันแล้ว รอด้วยยยย!
เวลาเดินทาง: 1 ชั่วโมง กำหนดการเดินทาง: 06: 15-21: 30 และ 30-40 นาที
- สถานีรถไฟรางรถไฟอยู่ห่างจากสถานีขนส่ง Yongmun ประมาณ 10 นาที
[โดยรถไฟใต้ดิน]
- ใช้สาย Jungang ของสถานีรถไฟใต้ดินโซลไปยังสถานี Yongmun Station (용문역)
- จากสถานี Cheongnyangni ไปยังสถานี Yongmun ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
- ออกจากสถานี Yongmun 1 สถานีและเดินบนถนน Yongmunyeok-gil (ถนน) จนกว่าจะถึงลำธาร
- สถานีรถไฟรางอยู่ฝั่งตรงข้าม
เพียงแค่นี้ก็ไปสนุกกันได้แล้วค่ะ have a nice trip !
ภาพข้างบนคือระหว่างเดินทางไปยังจุดหมายหลักนะคะ ริมทางยังน่ามองขนาดนี้ การปั่นเรย์ไบท์ท่ามกลางหิมะและวิวธรรมชาติจะน่ามองขนาดไหน โดยที่นี่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ในทุกซีซั่นเลยค่ะ ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้เห็นต้นไม้สีส้มแดงบานสะพรั่งอย่างสวยงาม แต่เราเดินทางไปช่วงหน้าหนาวค่ะ ไปนอกเมืองแบบนี้ก็จะเห็นหิมะหลงเหลือให้ถ่ายรูปได้สวยๆ เช่นกัน ก็ถือว่าคุ้มอยู่นะ
โดยที่นี่เขาก็บริการเป็นรอบๆ ค่ะ ในช่วง มีนาคม - ตุลาคม: 09: 00-21: 00 (ช่วง 1 ชั่วโมง, 30 นาที / 9 รอบ) และช่วงพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์: 09: 00-18: 00 (ช่วง 1 ชั่วโมง, 30 นาทีทำงาน 7 ครั้งต่อวัน)
ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย! จะบอกว่าตอนแรกก็คึกๆหน่อย แหมปั่นยิก ปั่นแบบไม่กลัวเหนื่อย พอหลังๆ ขาเริ่มอ่อนแรงค่ะ ก็จะต้องชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ (ไม่ใช่อะไร มันเหนื่อยมันหนาวมันมือชาไปหมด ) เป็นความสนุกที่ทรมานดีๆ นั่นเอง
เห็นได้จากตอนแรกขับกันไปแบบรวมๆ กัน พอตอนหลังเริ่มจะทิ้งห่างกันแล้วค่ะ 55555555 เก็บบรรยากาศรอบข้างไปเรื่อยๆ
จากรูปจะเห็นเลยค่ะ ว่าเริ่มทิ้งห่างไปเรื่อยๆ ความสนุกของเราคือปล่อยให้พี่ชายและเพื่อนพี่มันปั่นไปค่ะ เราก็ขอยกขาขึ้นแล้วถ่ายรูปเล่นแล้วกันนะ
วิวข้างทางก็จะประมาณนี้ค่ะ ก็ปั่นไปเรื่อยๆ
จนถึงปลายทางเขาจะให้พักสักแปบนึง โดยปลายทางมีขายพวกของกินด้วยค่ะ
หลบอากาศหนาวในฮีทเตอร์ แล้วก็ปั่นกลับมาที่ต้นทางเหมือนเดิม
เป็นอันจบรอบจ้า 

ใครเริ่มอยากสนุกแล้ว ก็ไปเลยค่ะ วิธีการเดินทาง
[โดยรถประจำทาง]
- นั่งรถประจำทางจากสถานีขนส่ง Dong Seoul ไปยัง Yongmun (용문) Intercity Bus Terminalเวลาเดินทาง: 1 ชั่วโมง กำหนดการเดินทาง: 06: 15-21: 30 และ 30-40 นาที
- สถานีรถไฟรางรถไฟอยู่ห่างจากสถานีขนส่ง Yongmun ประมาณ 10 นาที
[โดยรถไฟใต้ดิน]
- ใช้สาย Jungang ของสถานีรถไฟใต้ดินโซลไปยังสถานี Yongmun Station (용문역)
- จากสถานี Cheongnyangni ไปยังสถานี Yongmun ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
- ออกจากสถานี Yongmun 1 สถานีและเดินบนถนน Yongmunyeok-gil (ถนน) จนกว่าจะถึงลำธาร
- สถานีรถไฟรางอยู่ฝั่งตรงข้าม
เพียงแค่นี้ก็ไปสนุกกันได้แล้วค่ะ have a nice trip !
1/16/2561
รวมค่าใช้จ่ายเรียนภาษาเกาหลีที่เกาหลี (ม.ยอนเซ) + การหาที่พัก
คำถามนี้มีคนถามกันมาหลายคนค่ะ สำหรับการสมัครเรียนไปแล้ว และค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ประมาณกี่บาท ? รวมอะไรบ้าง ? บทความนี้เราจะมาตอบคำถามกันค่ะ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการสมัครเรียนภาษาเกาหลีที่ม.ยอนเซนะคะ มหาวิทยาลัยอื่นก็น่าจะประมาณนี้ค่ะ หรืออาจะถูกและแพงกว่านิดหน่อยค่ะ เราทำเรื่องเองไม่ผ่านเอเจนซี่ใดๆ เลยนะคะ
หลายคนงงว่าเรามาเรียนภาษาที่นี่ คือมากับทุนรัฐบาลหรืออะไรหรือเปล่า
ขอตอบนะคะ ว่า ไม่ได้มากับทุนแต่อย่างเดียว เป็นเงินส่วนตัวล้วนๆ นะคะ
หลายคนงงว่าเรามาเรียนภาษาที่นี่ คือมากับทุนรัฐบาลหรืออะไรหรือเปล่า
ขอตอบนะคะ ว่า ไม่ได้มากับทุนแต่อย่างเดียว เป็นเงินส่วนตัวล้วนๆ นะคะ
ค่าเทอม
- ค่าเทอมคอร์สเรียนภาษาของยอนเซ เทอมละ 1,730,000 WON ค่ะ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 52,000 บาท (บังคับสมัครมากกว่า 1 เทอมสำหรับคนที่ลงคอร์สปกติครั้งแรก)
- ค่าสมัครราคา 80,000 WON ราคา 2,400 บาท (จ่ายค่าสมัครแค่ครั้งแรก)
- ค่าเสตจเม้นท์ 10,000 USD อันนี้สำหรับคนขอวีซ่า D4 ค่ะ ประมาณ 3.5 แสนกว่าบาท
ค่าเอกสาร
ค่าเอกสารในที่นี่หมายถึงทุกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเดินเรื่องเอกสารของเรานะคะ
- ค่าการขอสเตจเมนท์จากธนาคาร = 100 บาท
- ค่าแปลเอกสารจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ = 600 บาท (เราแปล 2 อย่างค่ะ สูติบัตรกับใบเปลี่ยนชื่อของแม่)
- ค่ารับรองเอกสารที่กงสุล = 640 บาท
- สำหรับวีซ่าผู้ถือสัญชาติไทยไม่เสียค่าธรรมเนียมค่ะ
ค่าที่พัก
ค่าที่พักแล้วแต่ว่าอยากจะพักแบบไหนค่ะ ถ้าอยากประหยัดก็พัก "โกชีวอน" ซึ่งโกชีวอนก็มีหลากหลายตั้งแต่ถูกจนถึงแพง ของเราพักแบบมีห้องน้ำ แอร์ในตัว ราคา 12000 (สี่แสนวอนถ้วน) บาทค่ะ
- ค่าที่พักที่ถูกที่สุดประมาณ 300,000 วอน ห้องน้ำรวม เป็นมินิรูมเล็กๆ
- หากใครจะพักแบบ oneroom ราคาส่วนใหญ่จะ 500,000วอนต่อเดือนขึ้นไป ไม่รวมค่าแก๊ส และค่าน้ำ
ค่าใช้จ่ายกินอยู่ที่เกาหลี
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวต้องบอกเลยว่า แต่ละคนแตกต่างกันค่ะ โดยเราจำกัดค่าใช้จ่ายทั้งค่ากินค่าเดินทาง และสิ่งของที่อยากได้อยู่ที่ 400,000 วอน ประมาณ 12,000 บาท ขอแบ่งย่อยๆ ตามด้านล่างนะคะ
- ค่ากิน ส่วนใหญ่จะกินข้าวกลางวันไม่เกิน 10,000 วอน ส่วนตอนเย็นช่วงแรกๆส่วนใหญ่จะกินที่บ้านค่ะ ซื้อวัตถุดิบมาทำกินเอง ไม่งั้นก็มาม่า (แต่หลังๆเริ่มปาร์ตี้กับเพื่อนบ่อย #นี่แหน่ะ)
- พักหลังๆ จะมีการกินข้าวตอนเย็นข้างนอกบ่อย (เพราะเข้าสังคม) เจอเพื่อนบ้างไรบ้าง
-ค่าปาร์ตี้เล็กๆ น้อยๆ ถ้าอยากสร้างสังคมก็อาจจะมีการไปกินจัดหนักปาร์ตี้กับเพื่อนบ้าง
- ส่วนค่าเดินทาง เนื่องจากที่พักอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่เลยเดินเอาค่ะ แต่จะมีบ้างที่เสียค่าเดินทางในกรณีที่ไปค่าเฟ่ไหนไกลๆ อะไรทำนองนี้
ค่าตั๋วเครื่องบิน
สำหรับตั๋วเครื่องบิน สามารถจองตั๋วแบบ one way ได้ค่ะสำหรับผู้ถือวีซ่านักเรียน โดยค่าตั๋วเครื่องบินแล้วแต่สายการบินนะคะ ของเราไปเอเชียน่าแอร์ไลน์ เป็นฟูลเซอร์วิส จองช่วงโปรฯ และจองไป-กลับแบบ round trip เพราะว่าจะกลับไทยตอนช่วงปิดเทอมค่ะ ราคาประมาณ 15000 บาท (สายการบินราคาถูกก็มีค่ะ) อันนี้แล้วแต่สายการบินนะคะ
* สำหรับคนไม่มีวีซ่า อาจจะไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้เพราะมีตั๋วเที่ยวเดียว*
การหาที่พักเกาหลี
มาต่อกันที่การหาที่พักค่ะ คนส่วนใหญ่นิยมไปเดินดูวันที่ไปถึงแล้ว เพราะจะได้เห็นห้องพักจริงๆ แต่ว่าเรา หาที่พักไปเลยค่ะ เพราะว่ากลัวคุยตรงๆ แล้วเด๋อ ไม่รู้เรื่อง เราเลยจอแบบ goshiwon เพื่อความประหยัดค่ะ ไม่อยากเสียเงินแพงไปมากกว่านี้แล้ว ฮรือ ใครมีเงินก็พักหอที่มหาวิทยาลัยจัดให้ก็ได้ค่ะ แต่มีรูมเมทนะคะ
เว็บสำหรับจองโกชีวอน
แอพลิเคชั่น : 고시락
การจองสามารถส่งอีเมล , kakao ไปสอบถามและพูดคุยกับเขาได้เลยค่ะ
เทคนิคการผ่าน ตม.เกาหลี ฉบับทุกการเดินทางมีความลับ
เชื่อว่าหลายๆ คนจิตตก กลัว กับการไปเกาหลีครั้งแรกและหลายๆ ครั้งใช่มั้ยคะ? วันนี้ "ทุกการเดินทางมีความลับ" จะมาแนะนำเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการผ่านตม.เกาหลี โดยข้อมูลที่จะแชร์ต่อไปนี้เป็นแค่ เทคนิค เคล็ดลับที่คาดว่าจะผ่านมากที่สุด และประสบการณ์เจอมานะคะ ไม่รับรองว่าถ้าทำตามแล้วจะผ่านทุกคนแบบ 100 % ค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่คนที่กำลังสนใจในประเด็นนี้อยู่ค่ะ
1. การแต่งตัว :ประเด็นที่ใกล้ตัวที่สุดก่อนเลยจ้า การแต่งตัวมีผลต่อการโดนถามค่ะ ควรแต่งตัวให้ดูไปเที่ยวที่สุด สีสันไม่จี๊ด ไม่เยอะสิ่ง แต่งให้ดูเรียบ แล้วเหมือนไปเที่ยวจริงๆ ในส่วนนี้เราว่าตม.ดูออกค่ะ สำหรับเราเราคิดว่า “รองเท้า” มีผลค่ะ คือไม่คีบแตะไปอะ ใส่ผ้าใบดีที่สุด
2.เอกสารครบ : เอกสารในที่นี้หมายถึง ตั๋วไปกลับ การจองที่พัก ใครเป็นนักเรียนนักศึกษา หรือทำงานอยู่ ควรมีใบรับรองสถานะนั้นๆ เผื่อไว้ (เป็นภาษาอังกฤษ) ใครที่เพิ่งจบการศึกษาอยู่ในช่วงว่างงาน (รอรับปริญญา) แบกใบรับรองการจบไปเลยจ้า ทรานสคริปเอาไปให้หมด เงินในบัญชี (อันนี้ไม่จำเป็นมากแต่มีไว้ก็ช่วยได้นะคะ) การเก็บเอกสารใส่ในที่ที่หยิบง่ายค่ะ แต่ยังไม่ต้องหยิบมาให้ตม.ดูตอนยื่นพาสปอร์ตนะคะ
3.ไปเป็นกลุ่มเพื่อน ครอบครัว : ถ้าไปเป็นกลุ่ม เตรียมถ่ายเอกสารพาสปอร์ตของเพื่อนไว้ด้วยเนอะ ไว้ช่วยกันถ้าเกิดเพื่อนโดนเรียกเข้าไปจริงๆ จะได้รู้ว่ามาด้วยกันค่ะ ในกรณีถ้ามีเพื่อนโดนเข้าไปแล้วเราไม่ถูกพ่วงเข้าไปด้วย ระหว่างรอข้างนอก จะมีเจ้าหน้าที่เอาพาสปอร์ตของเพื่อนมาถาม ว่านี่ใช่คนที่มาด้วยมั้ย ถ้าใช่ก็ตอบเขาไปค่ะ
4.แพลนเที่ยว : ถ้าไม่มีแพลนเที่ยว เป็นเราเราก็ไม่เชื่อสนิทใจเนอะ
เพราะคนที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ และไปถึงต่างประเทศ
อย่างน้อยต้องมีแพลนเที่ยวแน่นอน ทำแพลนเที่ยวไปให้ครบค่ะ
เป็นภาษาอังกฤษยิ่งดี ในแพลนควรมีการเดินทางบอกไว้ละเอียด
และศึกษาไว้ก่อนเดินทางไปค่ะ ในกรณีถ้ากะจะไม่ไปเที่ยวไหน จะไปแค่ติ่ง ก็ต้องมีแพลนไว้นะคะว่าตึกที่จะไปติ่งสถานที่จะไปติ่งอยู่ตรงไหน
5.สายการบิน: จากประสบการณ์ตรง เราเคยขึ้น แอร์เอเชีย การบินไทย เจจูแอร์ไลน์ คนที่เห็นโดยถามโดนกักตัวเยอะที่สุดคือ “แอร์เอเชีย” แบบเยอะมาก แต่ก็ไม่ทุกคนค่ะ อย่างเราไปเจจูแอร์นี่แบบมีคนไทยไม่ถึงห้าคนเลยมั้งช่วงนั้น ผ่านทุกคนไปอีก (แต่ดูลักษณะก็มาเที่ยวแหละ) เพราะว่าถ้าเป็นสายการบินโลว์คอร์ส ความเป็นไปได้ของคนที่หนีไปทำงานมีมากกว่าสายการบินแบบฟูลเซอร์วิสค่ะ
6. งบประมาณ : ควรมีเงินแยกติดตัวไว้ สมมติไปกับพี่น้อง ครอบครัวแล้วใช้กระเป๋าเงินเดียวกัน ควรมีเงินติดตัวไว้ส่วนนึงแยกไว้ค่ะ ถ้าเอาไปฝากไว้ที่คนใดคนนึงเลย เราโดนเรียกขึ้นมาแล้วไม่มีเงินติดตัวเลยจะเดือดร้อนค่ะ กันเขาถามว่าเอาเงินมาเที่ยวเท่าไหร่ อะไรทำนองนี้ ก็เงิบเลยนะคะ
7.เตรียมใจ : ไม่วอกแวก เอาล่ะเมื่อไปถึงมุ่งหน้าไปโลด อย่าลังเล อย่าสับสนว่าจะไปช่องไหนดี เข้าไปตม ตรงๆเลยค่ะ สบตากับเจ้าหน้าที่ไว้ มองไว้ตลอด (แม้ว่าเขาจะทำอะไรยุกยิกก็ตาม) อย่าหันซ้ายหันขวาในกรณีที่โดนถามขึ้นมาจริงๆ ต้องตอบให้ได้และตอบตามความจริง อย่าแบบเอ้ย พูดผิดค่ะ ไรงี้นะคะ ไม่งั้นเขาจะเกิดความสงสัยในตัวเราค่ะ
8.คนเดียว+กลุ่มเพื่อนรอดตาย : เธอคะ ! รู้เขารู้เรา เรารู้ว่าเธอก็ดูออกว่าใครมาทำงาน เพราะฉะนั้น เมื่อลงจากเครื่องแล้ว พยายามเฟดตัวอย่าเดินตามกลุ่มทัวร์ และกลุ่มที่เสี่ยงค่ะ ไปตม.ก่อนได้ก็ไปเลยจ้า ให้คนที่สามารถพูดอังกฤษได้แล้วมีแนวโน้มการเสี่ยงต่ำสุด อยู่ข้างหน้าไปก่อนค่ะ
9.อย่าคุยกับคนแปลกหน้า: คนแปลกหน้าในที่นี่หมายถึงคนไทยนี่แหละค่ะ
คนที่เรามองว่าเขาอาจจะมาทำงาน เพราะถ้าเขาโดนเราอาจจะซวยไปด้วย
เหมือนว่าเรารู้จักเขา แหมทำมาตีเนียน อย่าพาเราซวยไปด้วยเชียวนะ!
10. รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง! : ยิ่งถ้าไปบ่อยๆ นะคะ แล้วผ่านทุกรอบการโดนถามก็แทบจะไม่มีเลยค่ะ เราไปมา 5 ครั้งไม่เคยโดนถามเลยสักครั้งค่ะ
11.สำหรับใครพาสขาว : ต้องเตรียมตัวหนักหน่อยนึงเนอะ เอกสารต้องมีจริงๆ เพราะดูเสี่ยงมากกว่าคนที่เคยไปต่างประเทศมาแล้ว สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า “อย่ากังวล อย่าจิตตก อย่าแป่ว อ่านคนที่เขาติดเยอะๆ ไม่ช่วยอะไรนอกจากจะทำให้เรากลัวมากขึ้น" ทำใจไปเตรียมแพลนแล้ววางแผนเที่ยวดีกว่า สู้ๆจ้า
หมดแล้วจ้า ละเอียดยิบๆ ขนาดนี้หวังว่าจะช่วยได้มากกับคนที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆนะคะ
1/15/2561
scope cafe คาเฟ่เรียบง่ายสไตล์มินิมอล IN HONGDAE
เราเชื่อว่าคนไทยหลายคนเวลาไปเที่ยวเกาหลี ต้องไปพักย่านฮงแดกันบ้างแหละ วันนี้เราเลยมาแนะนำอีกหนึ่งคาเฟ่ย่านฮงแดชื่อร้านว่า "scope cafe" คาเฟ่เรียบง่ายสไตล์มินิมอล ดีงามพระรามแปดกันไปเลยจ้า เหตุผลที่เราเลือกไปที่นี่เพราะว่าค้นเจอในอินเทอร์เน็ตเกาหลี แล้วชอบใจกับแพ็คเกจเมนูเครื่องดื่มของร้านมากๆ 🌵 ด้วยเหตุนี้เราก็เลยไม่พลาดที่จะเอารูปมาฝากเพื่อนๆ
วิธีการสั่งก็ไปยืนมองหน้าพนักงาน เอ๊ย ไปเลือกเมนูกันที่เคาท์เตอร์ค่ะ สำหรับที่เป็นขวดๆ แบบในรูปนี่มีเฉพาะเวลาสั่งกลับบ้านเท่านั้น แต่ว่าถ้าสมมติเราต้องการกินแบบขวด (เพื่อเอามาถ่ายรูป) ก็สามารถเดินไปหยิบได้ที่ตู้ที่เขาแช่ไว้เลยค่ะ และเขาเดินไปบอกเขาที่เคาท์เตอร์ว่าจะกินที่ร้าน + จ่ายเงินให้เรียบร้อย
สำหรับเมนูเครื่องดื่มถือว่าราคาไม่แรงมาก เริ่มต้นตั้งแต่ 4500 Won และเมนูให้เลือกระดับนึง ไม่เยอะมากมาย นอกจากจะขายเครื่องดื่มของหวานแล้วยังขายสินค้าแบรนด์ของเขาเองด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่นต่างๆ ชิคมาก
โดยร้านนี้ตั้งอยู่ mapo-gu ถิ่นฮงแดนั่นเอง การเดินทางไปง่ายมากๆ ฮงแดประตู 6 ค่ะ คลิกลิงค์นี้ได้โลด >: https://goo.gl/tQh71G
เวลาเปิด-ปิด : 12:00 - 20:00 ปิดวันจันทร์


สำหรับเมนูเครื่องดื่มถือว่าราคาไม่แรงมาก เริ่มต้นตั้งแต่ 4500 Won และเมนูให้เลือกระดับนึง ไม่เยอะมากมาย นอกจากจะขายเครื่องดื่มของหวานแล้วยังขายสินค้าแบรนด์ของเขาเองด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่นต่างๆ ชิคมาก
เวลาเปิด-ปิด : 12:00 - 20:00 ปิดวันจันทร์
1/13/2561
YONGMALAND สวนสนุกร้าง ให้ถ่ายรูปแอคอาร์ตได้เต็มที่
ใครที่ชอบถ่ายรูปรัวๆ และชอบความอาร์ต ห้ามพลาดจ้า วันนี้เราพาไปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตในเกาหลี ! ซึ่งที่นั่นคือ "ยงมาแลนด์(yongma Land) นั่นเอง" 

ต้องขอบอกก่อนเลยว่าที่นี่เป็นสวนสนุกร้างนะคะ คือไม่ได้มีคนตายหรืออะไรยังไง แต่เหมือนว่าเขาสร้างแล้ว ต้องปิดตัวลง เนื่องจากเจ้าของดูแลไม่ไหว ก็เลยปิดตัวอย่างเดียวดาย (ในตอนแรก) แต่ดูเหมือนว่า ความร้างของสวนสนุกจะทำให้สวนสนุกแห่งนี้ โดดเด่นขึ้นมาอย่างผิดวิสัย เพราะว่าที่นี่เขาถ่ายเอ็มวีศิลปินกันแบบ บ่อยมากกกกกกกกกกก โดยเฉพาะโซนม้าหมุนนี่คือแบบ บ่อยไปไหน ไม่ว่าจะเป็นเอ็มวีของ EXO SJ ฯลฯ มากมายล้านแปด อีกทั้งยังเป็นอีกที่ ที่คู่รักชาวเกาหลีแวะเวียนมาถ่ายรูปบ่อยมาก จนต่างชาติต้องเซาะหาและไปเองบ้าง
แม้ว่าที่นี่จะปิดตัวลงไป แต่ยังมีค่าเข้าผ่านประตูนะคะ ราคาคนละ 5000 วอน (150บาท) เพื่อให้เข้าไปถ่ายรูปอย่างจุใจเลยค่ะ ใครที่จะเข้าไป เขาจะมีเบอร์โทรศัพท์ติดไว้เพื่อให้โทรไปบอกว่าจะเข้ายงมาแลนด์ แต่ตอนเราไปลุงแกมาพอดี เลยจ่ายเงินไปเลย
พอเข้าไปแล้วจะได้พบกับอาณาจักรแสนกว้าง จะไปถ่ายมุมไหนก็แล้วแต่เรา จะแอคท่าไหนก็เอาที่สบายใจ และไม่จำกัดเวลาค่ะ ถ่ายจนแบตหมดก็ไม่ว่า
ที่นี่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ถ่ายรูปออกมาแล้วอาร์ตมาก สิ่งสำคัญคือ ถ่ายรูปสวนสนุกแล้วไม่มีผู้คนเป็นแบลคกราวด์ คิดดูว่าจะฟินขนาดไหน
การเดินทางคือ ลงสถานี Mangu ทางออก 1ต่อแท็กซี่ไปโลด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)